‘Apple’ รุกธุรกิจ ‘เฮลท์เทค’ ตรวจน้ำตาลได้โดยไม่ต้องเจาะเลือด
เจาะ “ธุรกิจเทคโนโลยีสุขภาพ” S-Curve ใหม่ของ Apple โดยเฉพาะ Apple Watch รุ่นต่อไปที่ตรวจน้ำตาลได้โดยไม่ต้องเจาะเลือด ถ้า Apple ทำสำเร็จอาจจะเป็นแรงส่งให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต
Key Points
- ข้อมูลจาก IDF Diabetes Atlas ระบุว่า ในปี 2564 มีผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกสูงถึง 537 ล้านคน และมีแนวโน้มว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 643 ล้านคนภายในปี 2573
- เมื่อปี 2554 ก่อนสตีฟ จ็อบส์เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน เขาได้ฝากฝังให้กลุ่มผู้บริหารสำคัญซุ่มพัฒนาอุปกรณ์สุขภาพขึ้นมา จนก่อให้เกิดสตาร์ทอัพลับสุดยอด “Avolonte Health”
- Avolonte ได้คิดค้นเทคโนโลยีการฉายเลเซอร์เข้าไปที่ของเหลวระหว่างเซลล์ที่อยู่ใต้ผิวหนัง ความเข้มข้นของแสงที่สะท้อนกลับมาสามารถบ่งบอกระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดได้
ลองจินตนาการตามว่า ถ้ามีนาฬิกาข้อมือที่สามารถตรวจระดับน้ำตาลได้โดยไม่ต้องเจาะเลือด วัดความดันโดยไม่ต้องพกเครื่องวัดที่เทอะทะ และจับภาวะหยุดหายใจระหว่างการนอนได้ จะเพิ่มความสะดวกสบายและเปลี่ยนชีวิตผู้คนไปขนาดไหน นี่คือสิ่งที่ “Apple” บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐกำลังเร่งพัฒนาให้นาฬิกาข้อมือ Apple Watch รุ่นต่อไปสามารถทำได้ ด้วยเทคโนโลยีสุขภาพ (เฮลท์เทค) ที่อาจกลายเป็นจุดแข็งใหม่ของบริษัทในอนาคต
- Apple Watch (เครดิต: Apple) -
ไม่เพียงเท่านั้น Apple เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ช่วยฟังสำหรับผู้มีปัญหาการได้ยิน และการวัดอุณหภูมิเข้ามาใส่ในหูฟัง AirPods ใส่บริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้าไปในผลิตภัณฑ์ Apple และทำให้ Apple Vision Pro ซึ่งเป็นแว่นตา AR-VR ที่ผสานระหว่างโลกความเป็นจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกันให้สามารถรองรับการออกกำลังกายในโลกเสมือนได้
ความกระตือรือร้นเหล่านี้สะท้อนว่า Apple พยายามรุกเข้า “ตลาดสุขภาพ” อย่างจริงจัง โดยข้อมูลจาก IDF Diabetes Atlas ของสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติระบุว่า ในปี 2564 มีผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกสูงถึง 537 ล้านคน และมีแนวโน้มว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 643 ล้านคนภายในปี 2573 และเป็น 783 ล้านคนภายในปี 2588
อีกทั้งยังมีเทรนด์สังคมผู้สูงอายุ ต่อไปกลุ่มผู้สูงอายุจะเป็นประชากรส่วนใหญ่ของหลายประเทศด้วย หาก Apple สามารถรวมบริการตรวจสุขภาพไว้ในนาฬิกาข้อมือเดียว โดยไม่ต้องไปพบแพทย์ ไม่ต้องเจาะเลือด ก็อาจจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของบริษัทได้อย่างก้าวกระโดด
- ตัวเลขอัตราการเต้นหัวใจบนจอ Apple Watch (เครดิต: Apple) -
นอกจากนี้ ตลาดสุขภาพยังถือเป็น “เครื่องยนต์ใหม่” ที่มาชดเชยภาวะชะลอตัวลงของยอดขาย iPhone, iPad จนทำให้ Apple มีรายได้ลดลงติดต่อกัน 4 ไตรมาส (นับถึงไตรมาส 4 ปี 2566 ของบริษัท) ซึ่งถือเป็น “ครั้งแรก” นับตั้งแต่บริษัทเปิดตัว iPhone รุ่นบุกเบิกในปี 2550
- โปรเจกต์ลับ “Avolonte” จุดเริ่มต้น Apple รุกสุขภาพ
หากเอ่ยถึงบริษัท Apple ภาพจำของใครหลาย ๆ คนที่โผล่ขึ้นมาทันทีคือ iPhone, iPad และ iPod อีกทั้งหลายคนมองว่า Apple Watch ที่รุกด้านสุขภาพคงเพิ่งเกิดขึ้นช่วงหลัง แต่อันที่จริงแล้ว ความริเริ่มดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงบั้นปลายชีวิตของสตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Apple
เมื่อปี 2554 ก่อนเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน จ็อบส์ได้ฝากฝังให้กลุ่มผู้บริหารสำคัญซุ่มพัฒนาอุปกรณ์สุขภาพขึ้นมา โดยเฉพาะเครื่องติดตามระดับน้ำตาล ซึ่งความริเริ่มนี้ได้ให้กำเนิดสตาร์ทอัพลับที่ชื่อว่า “Avolonte Health”
แม้ว่า Avolonte Health จะได้รับเงินสนับสนุนจาก Apple แต่ในเบื้องหน้า Apple พยายามทำให้สตาร์ทอัพนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ Apple โดยแยกเป็นคนละบริษัทกัน
ยิ่งไปกว่านั้น Apple ได้จ้างที่ปรึกษาด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญทางอุปกรณ์สุขภาพ ผู้พัฒนาเซนเซอร์และนักวิทยาศาสตร์การนอนเข้าไปพัฒนาอุปกรณ์ พร้อมทดลองกับมนุษย์อย่างเงียบ ๆ ใน Avolonte พนักงานจะถูกสั่งห้ามไม่ให้สวมเสื้อบริษัท Apple ก่อนเข้าไปในพื้นที่ของสตาร์ทอัพนี้
อีกทั้งเมื่อใดที่ ทิม คุก (Tim Cook) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Apple เข้าไปตรวจความคืบหน้าของงานใน Avolonte เขาก็จะสวมหมวกแก๊ปเบสบอลพร้อมดึงปีกหมวกลงมาเพื่อปิดบังใบหน้าและไม่ให้เป็นที่สังเกต
หลายปีผ่านไป โปรเจกต์ลับที่ Apple ลงทุนหลายร้อยล้านดอลลาร์เริ่มบังเกิดผล นักวิจัยใน Avolonte ได้คิดค้นเทคโนโลยีการดูดซับคลื่นสั้นอินฟราเรดขึ้น โดยฉายเลเซอร์เข้าไปที่ของเหลวระหว่างเซลล์ที่อยู่ใต้ผิวหนัง ความเข้มข้นของแสงที่สะท้อนกลับมาสามารถบ่งบอกระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาให้สมบูรณ์
“สุขภาพ คือ โลกของโอกาสที่จะได้ช่วยผู้คน และบทบาทหลักของ Apple Watch ด้านสุขภาพเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเรารู้สึกตื่นเต้น” บ็อบ แมนสฟิวด์ (Bob Mansfield) อดีตหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ของ Apple กล่าว
- “ยกระดับสุขภาพผู้คน” ฝันอันยิ่งใหญ่ของ Apple
ขณะที่คุกเคยกล่าวว่า “การยกระดับสุขภาพ ถือเป็นการช่วยมนุษยชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” และมีการคาดการณ์ว่า ตลาดด้านระบบติดตามสุขภาพและการออกกำลังกาย จะเติบโตเร็วจนมีมูลค่าเกือบ 200,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีภายใน 1 ทศวรรษ
ไม่เพียงเท่านั้น Apple มีความทะเยอทะยานที่จะสร้างคลินิกสุขภาพรอบเมืองหรือในร้านค้าปลีก ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “Infinite Health” และจ้างแพทย์ประจำคลินิกดังกล่าว ซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์สุขภาพต่าง ๆ ของบริษัท
สำหรับคุณสมบัติ Apple Watch ในปัจจุบัน สามารถแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจว่าสูงกว่าเกณฑ์หรือต่ำกว่าเกณฑ์, เตือนจังหวะการเต้นหัวใจที่ไม่สม่ำเสมอซึ่งคล้ายว่าจะเป็นภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib), วัดระดับคาร์ดิโอฟิตเนสหรือความฟิตของร่างกาย, แจ้งเตือนวันเวลารับประทานยา, วัดระยะก้าวเดิน, มีแบบประเมินสุขภาพจิต เพื่อดูระดับความเสี่ยงในปัจจุบันต่อการเป็นโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล, ตรวจจับการล้มอย่างรุนแรงขณะที่ผู้ใช้สวมนาฬิกาและโทรฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมส่งเสียงไซเรนขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง รวมถึงสามารถติดตามรอบเดือนว่า ประจำเดือนหรือช่วงเวลาไข่สุกครั้งถัดไปจะมาถึงเมื่อไร
- Apple Watch สามารถวัดระดับคาร์ดิโอฟิตเนสหรือความฟิตของร่างกาย (เครดิต: Apple) -
คุณสมบัติสำคัญที่พลาดไม่ได้อีกประการ คือ เนื่องจากคนไทยราว 19 ล้านคนหรือคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรไทยประสบปัญหา “นอนไม่หลับ” ตามข้อมูลปี 2563 ของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข Apple Watch จึงมาตอบโจทย์ด้วยเซ็นเซอร์ที่สามารถบันทึกข้อมูลเชิงลึกว่า ใช้เวลานานแค่ไหนในการนอนหลับทั้งสามระยะ ซึ่งประกอบด้วยระยะหลับฝัน ระยะหลับจริง และระยะหลับลึก พร้อมสามารถสร้างกิจวัตรก่อนเข้านอน และดูว่าผู้ใช้ทำตามเป้าหมายการนอนหลับได้บ่อยครั้งแค่ไหน
- “คุมคุณภาพ” โจทย์ใหญ่พัฒนาอุปกรณ์สุขภาพ
ด้วยมูลค่าแบรนด์ Apple ที่สูงที่สุดในโลก สินค้าใดก็ตามขอเพียงประทับตรา Apple ผู้คนก็จะเชื่อมั่นถึงคุณภาพ ความน่าเชื่อถือที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน จึงคล้ายเป็นมาตรฐานสำคัญที่ Apple จะต้องเข้มงวดกับคุณภาพของ “อุปกรณ์สุขภาพ” มากกว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะสิ่งนี้เกี่ยวพันถึง “ชีวิตผู้คน” หากค่าสุขภาพที่ได้เกิดไม่เที่ยงตรงหรือผิดพลาดขึ้น ก็ย่อมกระทบต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อีกประการ คือ วัตถุดิบที่ใช้ผลิตและแบตเตอรี่เป็นความท้าทายอีกอย่างที่ต้องวางแผนว่าจะอัดเครื่องตรวจสุขภาพไว้ใน Apple Watch ที่มีขนาดราว 2 นิ้วอย่างไร โดยก่อนหน้านั้น บริษัท Alphabet เจ้าของเสิร์ชเอนจิน Google พยายามประดิษฐ์คอนแทกต์เลนส์วัดกลูโคสจากน้ำตา แต่สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องล้มเลิกโครงการไป
โดยรวมแล้ว การรุกตลาดสุขภาพของ Apple ที่พยายามใส่ลูกเล่นสุขภาพต่าง ๆ เข้าไปในอุปกรณ์ ถือเป็นสิ่งที่น่าจับตาอย่างยิ่ง เพื่อสอดรับกระแสสังคมสูงวัยและสร้าง New S-Curve ด้านการเติบโต ในขณะเดียวกัน อุปกรณ์สุขภาพก็มาพร้อมความท้าทายด้านมาตรฐานความปลอดภัย และความเที่ยงตรงที่สูงกว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
อ้างอิง: diabetesatlas, medium, bloomberg, bloomberg(2), bangkok, apple, apple(2), cnbc