ไทยเร่งฟาสต์แทร็กความสัมพันธ์ซาอุดีฯ เตรียมเป็นเจ้าภาพ STCC ปลาย ม.ค.
รองนายกฯ ปานปรีย์ เผยผลการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการและการจัดงาน Thailand Mega Fair 2023 ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์อีกครั้งระหว่างนักธุรกิจสองประเทศ ระบุ ซาอุดีฯ สนใจลงทุนโครงการพลังงาน ฝากสอบถามความคืบหน้าโครงการกรีนไฮโดรเจนกับ ปตท.
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวกับผู้สื่อข่าวจากกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย หลังเปิดงาน Thailand Mega Fair 2023 เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ว่า การจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จมาก มีเอกชนไทยกว่า 120 บริษัทมาร่วมงาน ทำให้ชาวซาอุดีอาระเบียเห็นถึงศักยภาพของสินค้าไทย ในขณะเดียวกันตอนนี้ฝ่ายซาอุฯ ก็สนใจเข้าไปลงทุนในประเทศไทยมากด้วย
ทั้งนี้ นี่เป็นการเยือนซาอุดีอาระเบียครั้งที่ 2 ในรอบสองเดือนของรองนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ได้ติดตามนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสินมาเยือนอย่างเป็นทางการในรอบแรก จึงถือเป็นการผลักดันและติดตามผล โดยนายปานปรีย์ได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน พบว่า ซาอุดีอาระเบียสนใจลงทุนโครงการขนาดใหญ่ด้านพลังงานในประเทศไทย ซึ่งได้มีการพูดคุยมาระดับหนึ่งแล้วถึงโครงการกรีนไฮโดรเจน กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
“เขาให้เราช่วยเร่งรัดเรื่องการเจาจรให้บรรลุผล ซึ่งผมกลับไปจะไปลองสอบถามดูว่าเรื่องกรีนไฮโดรเจนคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว” รองนายกฯ กล่าวและว่า
นอกจากนี้ซาอุดีอาระเบียยังสนใจลงทุนด้านโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งแต่ละโครงการล้วนเป็นโครงการขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันคนไทยก็จะเข้ามาลงทุนในซาอุดีอาระเบียในหลายด้านที่คนไทยถนัด อาทิ Wellness, การท่องเที่ยว และอื่นๆ ที่คนไทยถนัด เห็นได้จากงาน Thailand Mega Fair 2023 ถือเป็นการอวดศักยภาพสินค้าและบริการที่ธุรกิจไทยทำได้ดีให้ประจักษ์แก่สายตาชาวซาอุดีอาระเบียและนักธุรกิจชาติอื่นๆ ในตะวันออกกลาง ซึ่งนายปานปรีย์กล่าวระหว่างเปิดงานว่า งานแสดงสินค้าและบริการในครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับซาอุดีฯ ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายการทูตเศรษฐกิจของไทยที่เน้นการเติบโตรูปแบบใหม่ที่ยั่งยืน โดยเกี่ยวเนื่องกับ 3 การเติบโตหลัก ได้แก่ การเติบโตสีเขียว การเติบโตโดยนวัตกรรม และการเติบโตโดยมีชุมชนเป็นพื้นฐาน
ไทยยินดีที่มีซาอุดีฯ เป็นหุ้นส่วนหลักของไทยในการสร้างเสริมแนวปฏิบัติของไทยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมพลังงานทดแทน และสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน, ได้ร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ซาอุดีฯ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และต่อยอดการพัฒนาเทคโนโลยีและการสร้างสรรค์นวัตกรรม ตลอดจน สามารถนำแนวปฏิบัติของซาอุดีฯ ในการสร้างเสริมความเข้มแข็งของชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มาปรับใช้พัฒนาเมืองโดยเริ่มต้นจากชุมชนที่ทุกคนมีส่วนร่วมของไทย
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการทูตเศรษฐกิจของไทยโดยเฉพาะกับซาอุดีอาระเบียที่อยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
“ตรงกันข้ามเลยครับ ผมคิดว่า ซาอุดีอาระเบียกับเราหยุดความสัมพันธ์ทางการทูตมานาน 33ปี ครั้งนี้ได้เปิดความสัมพันธ์ใหม่ คล้ายๆ กับไม่ได้คุยกันมานาน หรืออาจคุยกันแต่คุยแบบไม่เป็นทางการ พอวันนี้เรามาคุยกันไปทางการ ผมก็เสนอไปว่า ไอ้ที่เราหยุดไป 33 ปีนี่ต้องมาฟาสต์แทร็กกันใหม่ ต้องเร่งมือทำให้สิ่งที่เราสูญเสียไป 33 ปีให้กลับคืนมาเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลงทุน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และอีกหลายๆ เรื่องที่คิดว่าเราสามารถร่วมมือกับซาอุดีอาระเบียได้” นายปรานปรีย์กล่าวและว่า
การฟาสต์แทร็กความสัมพันธ์นี้จะเริ่มต้นจากไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมสภาความร่วมมือซาอุดี-ไทย (Saudi-Thai Coordination Council : STCC) ช่วยปลายเดือน ม.ค. แต่ละประเทศมี STCC ของตนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน สภาประกอบด้วยคณะอนุกรรมการ 5 ชุด ครอบคลุมด้านการลงทุน เศรษฐกิจการค้า ท่องเที่ยวและวัฒนธรรม การทหารและความมั่นคง และด้านการเมือง