เชียร์ยูโร แอโร่ซอฟท์ การกลับมาอีกครั้งของอัศวินม้าขาวชาวไทยใน 'ยูโร 2024'
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ทรูวิชั่นส์ เพิ่งประกาศข่าวดีให้แก่แฟนฟุตบอลชาวไทยได้รู้โดยทั่วกันว่าได้คว้าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลยอดนิยม “ยูโร 2024” ให้คนไทยได้ดูแน่นอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
KEY
POINTS
KEYPOINTS
- ก่อนหน้าการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 จะเริ่มเพียงแค่หนึ่งวัน ก็มีการประกาศข่าวว่ามีผู้ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ไม่ใช่ผู้ให้บริการอย่างทรูวิชั่นส์, เอไอเอส หรือเจ้าอื่นๆ แต่กลับเป็นแบรนด์รองเท้าแตะอย่าง “แอโร่ซอฟท์” แทน
- การเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ในครั้งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากแอโร่ซอฟท์เพียงเจ้าเดียว เพราะมีความร่วมมือกันของหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐที่มอบหมายให้ช่อง NBT HD2 เป็นเจ้าภาพในการถ่ายทอดสด รวมถึงทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ประสานเรื่องของการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด
- มองในแง่ของเรื่องของการสร้างแบรนด์แล้ว การลงทุนครั้งนั้นทำให้แอโร่ซอฟท์มีชื่อเสียงในระดับประเทศชนิดที่ทุกคนรู้จักทันที สิ่งที่แบรนด์ได้เป็นการตอบแทนคือเรื่องของ Social impact ที่รุนแรงระดับปรากฏการณ์
- การกลับมาของแอโร่ซอฟท์ในครั้งนี้อยู่ในฐานะของผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดเหมือนเดิม หรือพูดง่ายๆคือรับเป็น “เจ้าภาพ” ให้ทุกฝ่าย และเป็นที่น่าจับตามองว่าแบบนี้จะหมายถึงการที่แอโร่ซอฟท์จะเป็นคนรับจบดีลเหล่านี้แทนภาครัฐหรือไม่ในอนาคต
โดยผู้ที่ไม่ได้เป็นลูกค้าเดิมจะมีค่าใช้จ่ายในการสมัครรับชม ยูโร 2024 ทัวร์นาเมนต์ระดับโลกรายการนี้เพียงแค่ 249 บาทเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นสนนราคาที่ไม่ได้มากมายอะไร
ถึงอย่างนั้นในยุคเงินทองฝืดเคืองแบบนี้ ไม่นับคนที่ไม่สะดวกจะรับชมผ่านช่องทางของทรูวิชั่นส์ก็มีจำนวนไม่น้อย จึงมีเสียงสะท้อนอีกฝั่งออกมาพอสมควร
หนึ่งในเสียงสะท้อนที่น่าสนใจที่มากกว่าแค่ถามว่าดูผ่านฟรีทีวีได้ไหม? คือคนที่ออกมาบอกว่า “คิดถึงแอโร่ซอฟท์เนาะ”
แล้วจู่ๆก็เพจสถานีโทรทัศน์ NBT2 HD ได้โพสต์ข้อความปริศนาว่า “เชียร์ยูโร...แอโร่ซอฟท์” สร้างความแตกตื่นไปทั่ว ก่อนจะมีการแจ้งหมายข่าวว่าจะมีการแถลงข่าวใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2024 ให้ชาวไทยทุกคนได้ชมผ่านช่องทางฟรีทีวี
ก่อนที่จะปรากฏภาพของโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริษัทซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ที่ยืนถ่ายภาพร่วมกับนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นอันยืนยันว่าคนไทยทั่วประเทศสามารถชมรายการ ฟุตบอลยูโร 2024 นี้ได้ทางฟรีทีวี
คำถามที่น่าสนใจคือทำไมแอโรซอฟต์จึงกลับมารับบท “อัศวินม้าขาว” อีกครั้ง?
ตำนานอัศวินม้าขาวแอโร่ซอฟท์
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ที่ต้องเลื่อนการแข่งขันออกมา 1 ปีเนื่องจากโลกเพิ่งเผชิญกับโรคระบาดโควิด-19
ในช่วงเวลานั้นทุกอย่างเหมือนถูกชัตดาวน์ไปหมด ไม่มีใครที่ยื่นขอซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร ที่ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดรายการลูกหนังที่มีศักดิ์ศรีและความนิยมเป็นรองเพียงแค่ฟุตบอลโลกรายการเดียวเท่านั้นแม้แต่รายเดียว
ปัญหาเกิดจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่แพงมากและอาจจะไม่คุ้มที่จะลงทุนสำหรับผู้ให้บริการ เช่นเดียวกันกับสปอนเซอร์ต่างๆที่ไม่สามารถทำกิจกรรมทางการตลาดได้อย่างถนัด
ท่ามกลางการตั้งคำถามของทั้งสื่อมวลชนและแฟนบอลชาวไทยว่าเราจะได้ดูฟุตบอลยูโรกันไหม? การรอคอยวันแล้ววันเล่าผ่านไปโดยไม่มีคำตอบจากสายลม หลายคนเริ่มทำใจและคิดถึงแผนสำรองที่อาจจะไม่ถูกต้องนักอย่างการรับชมผ่านช่องทางผิดกฎหมาย
แต่แล้วก่อนหน้าการแข่งขันจะเริ่มเพียงแค่หนึ่งวัน ก็มีการประกาศข่าวว่ามีผู้ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพียงแต่ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ไม่ใช่ผู้ให้บริการอย่างทรูวิชั่นส์, เอไอเอส หรือเจ้าอื่นๆ แต่กลับเป็นแบรนด์รองเท้าแตะอย่าง “แอโร่ซอฟท์” แทน สร้างความตะลึงให้แก่ทุกคน เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าคนที่ซื้อลิขสิทธิ์จะเป็นบริษัทดูไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องได้เลย
เรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นการอำกันกลายเป็นเรื่องจริง แอโร่ซอฟท์ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2020 มาให้คนไทยได้ดูจริงๆ กลายเป็นตำนานที่น่าเหลือเชื่อ
พร้อมกับเพลงโฆษณาที่กลายเป็นตำนานเช่นกันอย่างเพลง “เชียร์ยูโร แอโร่ซอฟท์...เชียร์ยูโร แอโร่ซอฟท์”
การตัดสินใจในชั่ววินาที
แอโร่ซอฟท์ ทุ่มเทเพื่อคนไทย ขอเป็นกำลังใจให้คนไทยทุกคน ผ่านวิกฤติโควิดที่หมองหม่น ให้คนไทยทุกคนมีความสุขอยู่ที่บ้าน
ดูฟุตบอล ยูโร 2020 ดูชัด ๆ แบบถูกลิขสิทธิ์ แอโร่ซอฟท์นั้นจัดให้
ข้างต้นคือเนื้อเพลง “เชียร์ยูโร Aerosoft 2020” จากผลงานการแต่งในวันเดียวของ พลพล พลกองเส็ง ศิลปินชื่อดังที่กลายเป็นเพลงฮิตติดหูคอบอลชาวไทยในช่วงเวลาดังกล่าว เช่นกันกับมิวสิควีดีโอที่ถ่ายทำกันแบบง่ายๆ (ก่อนจะมีการอัพเดตอีกหลายเวอร์ชั่น) เพื่อให้ทันสำหรับการออกอากาศ เรียกได้ว่าทุกอย่างฉุกละหุกกันไปหมด
อย่างไรก็ดีการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ในครั้งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากแอโร่ซอฟท์เพียงเจ้าเดียว เพราะมีความร่วมมือกันของหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐที่มอบหมายให้ช่อง NBT HD2 เป็นเจ้าภาพในการถ่ายทอดสด รวมถึงทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ประสานเรื่องของการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ซึ่งความจริงเป็นกระบวนการที่มีการพูดคุยต่อเนื่อง โดยเฉพาะการประสานกับเอกชนที่สนใจจะร่วมลงทุนด้วย
เพียงแต่เมื่อถึงเวลาจวนตัวต้องตัดสินใจ สุดท้ายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ แห่งซัมมิทฟุตแวร์ ตัดสินใจเป็นผู้ที่ทุ่มซื้อเพียงคนเดียว
สนนราคาในเวลานั้นมีรายงานว่าอยู่ที่ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 310 ล้านบาทในขณะนั้น ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดถึงสิ่งที่โกมลบอกไว้ว่า “ตอนแรกคิดจะช่วย 10 ล้านบาท” ก็นับว่าต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
เพียงแต่โกมลบอกในเวลานั้นว่าใช้เวลาในการตัดสินใจ “เพียงเสี้ยววินาที” เป็นเสี้ยววินาทีที่เปลี่ยนภาพของโกมลและแอโร่ซอฟท์ไปตลอดกาล
ราคาที่ต้องจ่ายกับสิ่งที่ได้มา
การลงทุนมูลค่ามหาศาลถึง 310 ล้านบาท (หากเป็นไปตามข่าว) ถือเป็นเม็ดเงินที่เยอะมาก โดยเฉพาะเมื่อมองถึงผลประกอบการของแอโร่ซอฟท์
ในช่วงปี 2559-2563 แอโร่ซอฟท์มีตัวเลขรายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากในปี 2559 ที่มีรายได้ 1.5 พันล้านบาท (กำไร 66 ล้านบาท) เหลือเพียง 663 ล้านบาท (กำไร 15 ล้านบาท) โดยที่ในระหว่างปี 2560-2562 ก็ขาดทุนต่อเนื่อง
บริษัทที่มีรายได้ 663 ล้านบาท กับการซื้อลิขสิทธิ์มูลค่า 310 ล้านบาท มองแล้วไม่ค่อยเป็นการลงทุนที่สมเหตุสมผลนัก และแทบมองไม่เห็นความคุ้มค่าเลยในทางธุรกิจ เพราะระยะเวลาของรายการอยู่ที่ราว 1 เดือนหรือ 30 วัน คิดเฉลี่ยแล้วจ่ายเงินวัน 10 ล้านบาทเลยทีเดียว แต่หากมองในแง่ของเรื่องของการสร้างแบรนด์แล้ว
การลงทุนครั้งนั้นทำให้แอโร่ซอฟท์มีชื่อเสียงในระดับประเทศชนิดที่ทุกคนรู้จักทันที สิ่งที่แบรนด์ได้เป็นการตอบแทนคือเรื่องของ Social impact ที่รุนแรงระดับปรากฏการณ์
ความประทับใจนั้นยังส่งผลต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้ ที่ยังมีคนคิดถึงแอโร่ซอฟท์อยู่เสมอ กับภาพจำในฐานะ “อัศวินม้าขาว” ที่จะมาช่วยซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลให้คนไทยดู สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถประเมินค่าได้
นอกจากนี้การดีลครั้งนี้ยังเป็นที่น่าจับตามองในเรื่องของสายสัมพันธ์กับฝ่ายการเมืองที่อาจจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันดีลนี้ให้เกิดขึ้นอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะบุตรชายของโกมลอย่าง พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ เริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมือง ราคาที่ต้องจ่าย อาจไม่แพงอย่างที่คิด
การกลับมาอีกครั้งของแอโร่ซอฟท์
สำหรับข่าวการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2024 ของแอโร่ซอฟท์ในครั้งนี้อาจไม่ได้สร้างความฮือฮาได้เหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพราะสถานการณ์ยังไม่ได้สุกงอมในระดับนั้น และทรูวิชั่นส์ก็เพิ่งประกาศข่าวการคว้าลิขสิทธิ์ไปก่อนแล้ว
แต่ภาพของโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ยืนถ่ายภาพหมู่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานก็นับว่าเป็นภาพที่สร้าง Impact ได้ไม่น้อยเช่นกัน
การกลับมาของแอโร่ซอฟท์ในครั้งนี้อยู่ในฐานะของผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดเหมือนเดิม หรือพูดง่ายๆคือรับเป็น “เจ้าภาพ” ให้ทุกฝ่าย และเป็นที่น่าจับตามองว่าแบบนี้จะหมายถึงการที่แอโร่ซอฟท์จะเป็นคนรับจบดีลเหล่านี้แทนภาครัฐหรือไม่ในอนาคต
เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยมีปัญหาเรื่องของลิขสิทธิ์รายการกีฬาดังหลายครั้ง โดยเฉพาะหลังมีกฎ Must have และ Must carry ที่ภาครัฐต้องเข้ามาแทรกแซงในนาทีสุดท้ายเกือบตลอด ซึ่งมีการวิพากษ์ในเรื่องของงบประมาณที่นำมาใช้จ่ายที่ไม่น้อย
แต่เมื่อมีเอกชนอย่างแอโร่ซอฟท์มาเป็นเจ้าภาพแทน ทำให้รัฐบาลไม่ต้องออกหน้าเองทำให้นายกรัฐมนตรีสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า “รัฐบาลไม่ต้องใช้งบประมาณเลย” เป็นการลดเสียงวิจารณ์ลงไปได้มาก
อีกทั้งสิ่งที่แตกต่างจากคราวก่อนคือครั้งนี้แอโรซอฟท์ไม่ได้เดินอย่างเดียวดายแล้ว เพราะมีเอกชนเข้ามาร่วมเป็นผู้สนับสนุนด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเจ้าใหญ่ที่ทำ Sport marketing อยู่แล้ว ที่หากไม่ลำบากเกินไปก็พร้อมที่จะคืนกำไรสู่สังคมในทางอ้อม
ส่วนเรื่องของสิ่งตอบแทนจากการลงทุนและลงขันในครั้งนี้จะมีหรือไม่และเป็นอะไรนั้น สุดที่จะคาดเดา
สำหรับเรื่องของค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2024 ครั้งนี้ไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ทั้งประธานกรรมการแห่งซัมมิทฟุตแวร์ และนายกรัฐมนตรีไม่ปริปากแง้มพรายให้รู้แม้แต่นิดเดียว
เศรษฐา ทวีสิน บอกเพียงว่าครั้งนี้ไม่อยากเรียกว่าเป็นการ “คืนความสุขให้ประชาชน” แต่อยากใช้คำว่า “เพิ่มความสุขให้ประชาชน” แทน
และความสุขอาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่อาจเกิดขึ้น เพราะผลกระทบทางเศรษฐกิจในภาพรวมถูกมองว่าไม่น่าจะมีผลอะไรมากมายนัก ไม่มีผลต่อการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ที่จะได้คึกคักกันบ้างน่าจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อยอย่างร้านอาหารหรือผับบาร์ที่เปิดให้ชมฟุตบอลมากกว่า
แต่ถ้าไม่คิดอะไรกันมากก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับแฟนฟุตบอลชาวไทยที่จะได้มีช่องทางในการติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลดีๆในระดับโลกอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง เช่นกันกับการลุ้นเพลงประจำรายการว่าจะเป็นฝีมือการแต่งของ พลพล คนเดิมหรือไม่
หรือจะขุดเพลงเก่ามาแปลงเนื้อใหม่ให้เป็น “เชียร์ยูโร Aerosoft 2024” ต้องรอติดตามกัน