คัดแล้ว ‘3 หุ้น’ ผ่านเข้ารอบศึกฟุตบอลยูโร 2024

คัดแล้ว ‘3 หุ้น’ ผ่านเข้ารอบศึกฟุตบอลยูโร 2024

“มหกรรมฟุตบอลยูโร” มีเจ้าภาพประเทศเยอรมนีกำลังเป็นอีเวนต์ระดับชาติ หลังภาคเอกชนร่วมกันซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดคนไทยได้ชมทางฟรีทีวีระหว่าง 15 มิ.ย. – 15 ก.ค. 2567 นี้

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี  วิเคราะห์ทััวร์นาเมนต์ฟุตบอลระดับโลก เม็ดเงินจับจ่ายใช้สอยจะเร่งขึ้นสูงถึงระดับ 1.5-1.8หมื่นล้านบาท นับว่ามีนัยสำคัญเทียบกับช่วงเวลามหกรรมที่สั้นราว 1เดือน โดยมีสินค้าหลักที่ความต้องการพุ่งสูงขึ้นช่วงเวลา ได้แก่ อาหาร-เครื่องดื่ม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา

จากการผลการศึกษาผลการเคลื่อนไหวอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกลุ่มสินค้าดังกล่าวในช่วงเวลาที่มีเทศกาลเกิดขึ้นย้อนหลัง 5 ครั้ง กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ จากกำลังซื้ออุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นในช่วงมหกรรมดังกล่าว อาทิ สื่อสาร –โรงแรม - ค้าปลีก และอาหารให้ผลตอบแทน 7.2% 6.3% 4.5% และ 1.8% ตามลำดับ

ช่วงฟุตบอลยูโร 3 รอบ (ไม่รวมรอบที่มี Market Risk ในปี 2008 เกิด Subprime Crisis และ 2021 เกิด COVID-19) พบว่า "กลุ่มอาหาร" ระยะหลังที่ทยอยมีหุ้นเครื่องดื่มเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น แม้ในช่วงปี 2021 ที่ตลาดมีปัจจัยเสี่ยง Market Risk ยังสามารถให้ผลตอบแทนชนะตลาดได้ที่ +1.0% และ SET -5.3%

ย้อนหลังฟุตบอลยูโร 5 รอบหลังสุด (2004-2020) พบว่า SET ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกตลอด 3ครั้ง (ไม่รวมรอบที่มี เกิด Subprime Crisis และ COVID-19) ราว +4.9% ด้วยความน่าจะเป็น 100% ในช่วงมหกรรมฟุตบอลยูโรทั้ง 3 ครั้ง คือ ที่โปรตุเกสในปี 2004  ที่ฝรั่งเศสปี 2016และ ที่โปแลนด์+ยูเครนในปี 2012 ซึ่ง 3ครั้งนี้มีบางสิ่งที่คล้ายกันคือ การแข่งขันจะเริ่มช่วงเวลาหลังเลิกงานของคนไทย คือ ตั้งแต่ 20.00-03.00น.

สำหรับฟุตบอลยูโรปี 2024เวลาแข่งขัน ตามเวลาไทย จะเริ่มช่วง 20.00น. , 23:00น. และ 02:00น. ซึ่งสอดคล้องกับการแข่งขันฟุตบอลยูโรช่วง 3 ครั้งดังกล่าวโดยมี TRUE เป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดซึ่งค่าบริการแพ็คเกจไม่ราว 249บาทต่อเดือน (ดูได้ 2Users) ทำให้ความคึกคักมองใกล้เคียงไม่แตกต่างจากรอบก่อนๆ

อุตสาหกรรมข้างต้นหุ้นที่มีค่าสถิติครบทั้ง 5ครั้งรอบ (ไม่รวมรอบที่ Subprime Crisis และ COVID-19) พบว่า มี "หุ้นที่ให้ผลตอบแทนเด่นกว่า/ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย SET" ดังนี้ CPALL ให้ ผลตอบแทนเฉลี่ย 6.6% ความน่าจะเป็น 100% ADVANC ผลตอบแทน 6.8%, ความน่าจะเป็น 100% MINT ผลตอบแทน 10.5% ความน่าจะเป็น 100% BJC     ผลตอบแทน 4.5%, ความน่าจะเป็น 67% และ HMPRO ผลตอบแทน 4.0%,ความน่าจะเป็น 67%

คัดแล้ว ‘3 หุ้น’ ผ่านเข้ารอบศึกฟุตบอลยูโร 2024 ส่วนหุ้นที่มีค่าสถิติไม่ครบ แบ่งได้ดังนี้

1.กลุ่มที่มีค่าสถิติตั้งแต่ฟุตบอลยูโร 2012 รอบ GLOBAL ผลตอบแทนเฉลี่ย 8.7%,     ความน่าจะเป็น 100%

2.กลุ่มที่มีค่าสถิติตั้งแต่ปี 2016 CBG ผลตอบแทน 15.3% SAPPE ผลตอบแทน17.5% ขณะที่ SET ปรับตัวขึ้นปี 2016 ที่ +3.9%

3.กลุ่มที่มีค่าสถิติเฉพาะปี 2021(ยูโร 2020) DOHOME ผลตอบแทน 3.9% OSP           ผลตอบแทน2.7% ขณะที่ SET ปรับตัวลดลง -5.3%

และ4.ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่คาดได้ประโยชน์ คือ TRUE ผู้ที่ได้ลิขสิทธิ์ และ ICHI  

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)  คาดว่ากระแสฟุตบอลยูโร 2024 ที่จัดระหว่างวันที่ 15 มิ.ย.-15 ก.ค.นี้ จะคึกคักยิ่งขึ้นหลังวันนี้นายกฯเตรียมแถลงถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโรผ่าน Free TV และจากสถิติย้อนหลังฟุตบอลยูโร 3 ครั้งที่ผ่านมา(ปี 2012, 2016 และ 2021)พบว่าหุ้นกลุ่ม Domestic Consumption หลากหลายกลุ่มมัก Outperformตลาด อาทิ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มอาหาร/เครื่องดื่มและกลุ่ม ICT ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.5% -2.1% เทียบกับ SETIndex ให้ผลตอบแทนบวกเฉลี่ย 0.2% ในช่วงเวลาเดียวกัน

สำหรับเชิงกลยุทธ์  "คัดหุ้น SET100ใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรม" ที่มักให้ "ผลตอบแทนชนะตลาด" ช่วงจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโรและในเชิงปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง ‘5 หุ้นเต็งแชมป์ฟุตบอลยูโร 2024’

1.กลุ่มอาหาร  OSP  ได้ประโยชน์จากการบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังควบคู่กับลุ้นฟุตบอลยามค่ำคืนโดยกำไรทั้งปี 2024  คาดขยายตัวดี 21%YoY

2.กลุ่มค้าปลีก  HMPRO   จากความต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า TV เพิ่มขึ้นคาดแนวโน้ม SSSG ครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรกราคาหุ้นอยู่บน PER24 18 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -2S.D. และ CPALL ได้ประโยชน์จากขายอาหาร Ready to Eat ที่ GPMสูงคาดก าไรปีนี้เติบโต 25% ทำระดับ All Time High

3.กลุ่ม ICT  โดยมีหุ้น  ADVANC  และ INTUCH  ได้ประโยชน์จากปริมาณการใช้ Data (ดูฟุตบอลผ่าน Internet) คาดกำไรปีนี้เติบโต 16% และ 15% ตามลำดับ