ราคาน้ำมันลงแรง 2.14% หลุด 79 ดอลลาร์ รับความกังวลสงครามตะวันออกกลางลดลง

ราคาน้ำมันลงแรง 2.14% หลุด 79 ดอลลาร์ รับความกังวลสงครามตะวันออกกลางลดลง

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลงแรง 1.71 ดอลลาร์ หลังมีความเป็นไปได้ลดลงที่สงครามในตะวันออกกลางจะขยายวงกว้าง ขณะที่โอเปกลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปีนี้เพราะผลพวงจากเศรษฐกิจจีน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร ที่ 13 ส.ค. เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลน้อยลงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สงครามในตะวันออกกลางจะลุกลามเป็นวงกว้าง เนื่องจาก "อิหร่าน" ยังไม่ได้ดำเนินการตามคำขู่ที่จะโจมตีอิสราเอลเพื่อตอบโต้กรณีแกนนำกลุ่มฮามาสถูกลอบสังหารในกรุงเตหะราน

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือน ก.ย. ลดลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ 78.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) งวดส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 1.96% ปิดที่ 80.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Price Futures Group กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตลาดคาดการณ์ว่าอิหร่านจะโจมตีอิสราเอลภายในเวลา 24-48 ชั่วโมง แต่นับจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าความเสี่ยงที่สงครามในตะวันออกกลางจะลุกลามนั้น มีน้อยลง

รายงานล่าสุดระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่านส่งสัญญาณว่า หากอิสราเอลยอมทำข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ก็อาจทำให้อิหร่านตัดสินใจที่จะไม่ตอบโต้อิสราเอลในกรณีการลอบสังหารนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปี 2567 จากความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวที่ซบเซาของเศรษฐกิจ "จีน" และนับเป็นการปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเป็นครั้งแรกของโอเปกนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2566

ทั้งนี้ โอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.11 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 ซึ่งลดลง 135,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.

นอกจากนี้โอเปกยังคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.78 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568 ซึ่งลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่คาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 1.85 ล้านบาร์เรล/วัน

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้เช่นกัน