'สงครามตะวันออกกลาง' ไม่นิ่งหวั่นขยายวง กระทบหุ้นโลจิสติกส์แค่ไหน?
นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เผยสงครามตะวันออกกลางอิสราเอลกับอิหร่านและเลบานอนยังไม่คลี่คลาย จับตาขยายวง แนวโน้มค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นมาได้ในช่วงไตรมาส 3/67
เมื่อโลกยังคงจับตาความตรึงเครียดสงครามตะวันออกกลางอาจส่อแววบานปลายหรือขยายวงออกไป เมื่อผู้นำของอิหร่านได้สั่งการให้โจมตีอิสราเอลโดยตรง ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจการค้าโลกที่มีการขนส่งสินค้าในทะเลแดง (Red Sea) เพราะถือเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญ โดยสถานการณ์ที่ยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มโลจิกส์ติกส์ในบ้านมากน้อยแค่ไหน?
จารุชาติ บูชาชาติ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ภาพรวมโลจิสติกส์ Freight forwarder หรือตัวแทนหรือตัวกลาง ระหว่างผู้ส่งออก ผู้นำเข้า สายเรือ สายการบิน รับผิดชอบจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ไม่มีเรือหรือเครืองบินเป็นของตัวเอง เปรียบเสมือนคนกลางที่ช่วยติดต่อประสานงานให้ผู้นำเข้า-ส่งออก กำไรน่าจะมีการเติบโตใน QoQ ได้ แต่ทว่า YoY น่าจะยังดร็อปอยู่ เนื่องจากว่า ค่าระวางตั้งแต่ปีที่แล้วยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งมาจาก Supply Chain โควิดที่ยังไม่ได้คลี่คลายแบบเต็ม 100% ในปีที่แล้ว โดยจะเริ่มจากทางเรือก่อน ส่งผลให้ค่า BDI ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าปัจจุบัน ถ้าเทียบ YoY รวมถึงค่าระวางทางอากาศก็ยังอยู่ในระดับที่สูงตามค่าระวางเรือด้วยเช่นกัน
ส่วนค่าระวางที่มีการฟื้นตัวในช่วง QoQ มาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะมาจากความตรึงเคลียดในตะวันออกกลางที่ทำให้ค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ปรับตัวขึ้นมา และรายงานการนำสินค้าเข้าประเทศล่าสุดของประเทศจีนออกมาดีกว่าคาด เพราะฉะนั้นจะมีหลายสินค้าที่ไทยส่งไปจีน จึงมีการขนส่งทางบก รวมถึงทางเรือที่มีการปรับตัวขึ้นมา ทำให้ไตรมาส 2/67 มีการฟื้นตัวขึ้นมาได้
ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาส 3 เป็นช่วงใกล้เข้าสู่ฤดูกาลไฮซีซั่นของกลุ่มขนส่ง เนื่องจากว่า ผู้ประกอบการหรือเจ้าของกิจการต่าง ๆ จะมีกักตุนสต็อกสินค้าไว้ เพื่อเตรียมตัวขายในช่วงเทศกาลคริสมาส และปีใหม่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสงครามตะวันออกกลางอิสราเอลกับอิหร่านและเลบานอนยังไม่คลี่คลายมีแนวโน้มค่าระวางเรือจะปรับตัวขึ้นมาได้ในช่วงไตรมาส 3
ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า การแข่งขันกลุ่มเดินเรือค่อนข้างต่ำ ตรงที่มีการขนส่งคลองสุเอซในตะวันออกกลางกลุ่มเยเมนที่เป็นเดียวกันกับกลุ่มปาเลสไตน์มีการยึดหน้าน้ำทะเลแดงไว้ เพราะฉะนั้นการขนส่งต่าง ๆ ผ่านช่องแคบคลองสุเอซจะทำได้ค่อนข้างจำกัดมาก ซึ่งคลองสุเอซเป็นคลองเดินเรือหลักต่อจากน่านน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พอมีการรบกันเกิดขึ้นในตรงนั้นทำให้การเดินเรือไม่สามารถผ่านช่องแคบได้ ทำให้การเดินเรือต้องอ้อมการขนส่งไปแถบแอฟริกาจึงเป็นการเพิ่มระยะเวลาอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เรือที่ได้ชิปปิ้งซัพพลายหายไปค่อนข้างเยอะ และการที่จะเพิ่มซัพพลายเรือไม่ใช่เรือง่าย เนื่องจากการต่อเรือต้องใช้ระยะเวลาเป็นปีถ้าเป็นเรือใหญ่ ดังนั้นจึงมองว่า ในช่วงครึ่งหลังยังไม่ค่อยดี
ขณะที่ตู้คอนเทนเนอร์ค่อนข้างดี อย่างหุ้น RCL เห็นได้ว่า performance ค่อนข้างดี แม้จะมีย่อลงไปบ้าง แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูง สะท้อนตัวอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นมา แต่หากไปดูที่ราคาหุ้นปลายไตรมาส 1/67 ราคาอยู่ที่ 18 บาท และต้นไตรมาส 2/67 ช่วงที่มีสงครามตะวันออกกลางรุนแรงหุ้น RCL ปรับขึ้นไปกว่า 30 กว่าบาท หรือปรับเพิ่มขึ้นมา 1 เด้ง ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำ ส่วน PSL เป็นผู้นำของเรือเทกอง และ PRM เป็นผู้นำด้านขนส่งน้ำมัน ซึ่งกลุ่มนี้เป็นเจ้าของเรือเอง
ขณะที่ หุ้น WICE หุ้น LEO หรือ หุ้น III กลุ่มนี้เป็นแค่เอเจนซี่ หรือเป็นตัวกลาง ระหว่าผู้ส่งออกและผู้นำเข้าที่เชื่อมระหว่างหุ้นที่เป็นเจ้าของเรือกับลูกค้าอีกที และจะกินส่วนต่างอีกที เช่น หากช่วงไหนที่ค่าระวางเรือไม่ดี และต้องมีการขนส่งจากไทยไปยังจีน สมมุติมีค่าขนส่งที่ 1 ล้านบาท และหุ้นที่เป็นเอเจนซี่จะกินส่วนต่างจากมาร์จิ้น ฉะนั้นถ้าค่าระวางเรือลดลงมาจาก 1 ล้านบาท เหลือแค่ 8 แสนบาท ก็จะกินส่วนต่างมาร์จิ้นที่ลดน้อยลง เป็นต้น
โดยหลัก ๆ หุ้นที่เป็นเอเจนซี่ หรือตัวกลางจะมีด้วยกัน 4 หลักทรัพย์ จะมี หุ้น III หุ้น WICE หุ้น ETL หุ้น LEO ที่เน้นขนส่งทางเรือ และหุ้น SINO เป็นตัวแทนทางเรือเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ หุ้น LEO มีการแตกไลน์ธุรกิจ LEO Wine Storage ห้องเก็บรักษาไวน์ ปัจจุบันถือว่ามีสัดส่วนค่อนข้างน้อย ส่วนระบบรางของ LEO เองก็ยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อยเช่นกัน ซึ่งจริง ๆ แล้วผู้ประกอบการไม่ค่อยอย่างทำสักเท่าไร เนื่องจากต้องมีการบริหารจากทางภาครัฐ และภาครัฐเองยังไม่ได้มีการปล่อยเสรีมากนัก โดยจะมีการชาร์ตค่าหัวอีกทีหนึ่ง ผู้บริโภคจึงไม่นิยมขนส่งทางราก รวมถึงมีขั้นตอนที่ค่อนข้างมากเวลาขนส่งข้ามประเทศ
หุ้นเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น WICE III และ LEO หากย้อนกลับไปดูช่วงก่อนโควิดปี 2563 ราคาถือว่าปรับขึ้นมาเกิน 100%
ทั้งนี้ หุ้นเหล่านี้ถือว่าเป็นหุ้นวัฎจักร ปัจจุบันได้รับความกดดันหลักจากภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีนที่มีความกังวลหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นภาคอสังหาฯ หรือการบริโภคภายในประเทศยังถือว่าอ่อนแออยู่ ขณะที่สหรัฐที่ทั่วโลกกำลังกังวลอยู่ว่าจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ ซึ่งเมื่อ 2 เจ้าใหญ่ของโลกเศรษฐกิจชะลอตัวลงก็จะส่งผลกระทบทั้งโลก แต่ทว่าเศรษฐกิจกลับมารีบาวน์กลับขึ้นมาได้ หุ้นเหล่านี้ก็จะตามมาด้วย
ขณะเดียวกัน Trade War หรือสงครามการค้า หากมีการปรับขึ้นภาษี จะส่งผลให้หุ้นกลุ่มเอเจนซี่จะได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะชิป อิเล็กทรอนิกส์ และ AI ไม่ว่าจะขึ้นภาษีอย่างไรก็ต้องมีการขนส่งเพราะดีมานด์สูง แต่ในทางกลับกันหากสหรัฐมีการแบนไม่ให้มีการขนส่งไปยังจีนจะได้รับผลกระทบวอลุ่มการขนส่งก็จะปรับตัวลดลงมา
และความเสี่ยงที่ต้องระวังจากทั่วโลกคือ สงครามตะวันออกกลาง หากมีการรบกันอย่างเต็มรูปแบบส่งผลให้จีดีพีโลกเติบโตได้ช้า
"การขนส่ง มีทั้งทางเรือ อากาศ และบก เป็นสินค้าคนละประเภทกันไม่สามารถที่จะนำมาขนส่งซึ่งกันและกันได้สักเท่าไรนัก เช่น ค่าระว่างทางอากาศซึ่งจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจจะมีสินค้าบางประเภทที่ต้องการความรวดเร็ว"