ราคาน้ำมันร่วงแรง 2.3% หลังโอเปกหั่นคาดการณ์ดีมานด์
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วง 1.73 ดอลลาร์ ขณะที่เบรนท์หลุด 78 ดอลลาร์ หลังโอเปกหั่นคาดการณ์ดีมานด์น้ำมันทั้งในปีนี้และปีหน้า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ที่ 14 ต.ค. หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั้งในปีนี้และปีหน้า
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.73 ดอลลาร์ หรือ 2.29% ปิดที่ 73.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.58 ดอลลาร์ หรือ 2.0% ปิดที่ 77.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ โอเปกคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันขยายตัว 1.9 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ ลดลงจากระดับ 2.0 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน โอเปกคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันขยายตัว 1.6 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า ลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน
การปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดังกล่าวนับเป็นการปรับลดลงติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ของโอเปก
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของจีนยังทำให้ตลาดผิดหวังในการแถลงข่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดคาดหวังว่าจีนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้มแข็งมากกว่านี้
จีนประกาศในวันเสาร์ (12 ต.ค.) ว่า จะเพิ่มการก่อหนี้ขึ้นอย่างมากเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว แต่ไม่มีการเปิดเผยขนาดรวมของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว ซึ่งเป็นรายละเอียดสำคัญสำหรับการประเมินความยั่งยืนของการฟื้นตัวของตลาด
หลัน ฝออัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของจีน แถลงข่าวว่าจีนจะช่วยรัฐบาลท้องถิ่นในการจัดการปัญหาหนี้ เสนอเงินอุดหนุนให้กับประชาชนที่มีรายได้ต่ำ สนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ และเพิ่มเงินทุนให้กับธนาคารของรัฐ รวมถึงมาตรการอื่นๆ
ทั้งนี้ ความต้องการน้ำมันที่ลดลงในจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดมาเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าอิสราเอลอาจโจมตีอิหร่านเพื่อตอบโต้ต่อการที่อิหร่านยิงขีปนาวุธเกือบ 200 ลูกโจมตีอิสราเอลก่อนหน้านี้