ราคาน้ำมันดิบร่วงลง 6% สมาชิกโอเปกพลัส เร่งเพิ่มปริมาณการผลิต

รอยเตอร์ รายงานว่า ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่แปดรายตกลงที่จะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบรวมกัน 411,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อวันพฤหัสบดี (3 เม.ย.)  ส่งผลให้การปรับเพิ่มปริมาณการผลิตตามกำหนดเร็วขึ้น และส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง

โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์สัญญาส่งมอบเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 70.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 13.32 น. ตามเวลาลอนดอน ลดลง 5.94% จากราคาปิดวันพุธ

ส่วนน้ำมันดิบ WTI สัญญาส่งมอบหมดอายุในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 67.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 6.41%

ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต คาซัคสถาน แอลจีเรีย และโอมานประชุมผ่านระบบออนไลน์เพื่อทบทวนสภาวะตลาดโลก และตัดสินใจปรับเพิ่มปริมาณการผลิตรวมกัน 411,000 บาร์เรลต่อวัน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม คาดว่ากลุ่มดังกล่าวจะดำเนินการเพิ่มการผลิตเกือบ 140,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนหน้า

การเพิ่มการผลิตในเดือนพฤษภาคมที่ตกลงกันเมื่อวันพฤหัสบดีนั้น "เทียบเท่ากับการค่อยๆเพิ่มขึ้นสามเดือน" โอเปกกล่าวในแถลงการณ์ และเสริมว่า "การขึ้นราคาแบบค่อยเป็นค่อยไปอาจหยุดชะงักหรือกลับทิศทางได้ ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป"

ในเดือนนี้ ผู้ผลิตโอเปกพลัสทั้งแปดรายเริ่มทยอยถอนตัวออกจากโครงการลดการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันตามการลดการผลิตแบบสมัครใจ ซึ่งดำเนินการแยกต่างหากจากกลยุทธ์การผลิตของกลุ่มพันธมิตรโอเปกพลัส 22 ประเทศ ซึ่งมีการลดการผลิตแยกกันประมาณ 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปี 2026 ( 2569)

การประชุมในวันพฤหัสบดีนับเป็นครั้งแรกที่ เออร์ลัน อักเคนเชนอฟ รัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ของคาซัคสถานเข้าร่วม ซึ่งประเทศกำลังประสบปัญหาในการผลิตเกินโควตาที่กำหนดไว้

โอเปกกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีว่าการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนพฤษภาคมนี้ จะทำให้ประเทศที่เข้าร่วมโครงการสามารถเร่งการชดเชยโดยการลดปริมาณการผลิตเพิ่มเติมตามปริมาณการผลิตที่มากเกินไปได้ โดยไม่ได้อ้างอิงถึงประเทศใดประเทศหนึ่ง

การตัดสินใจเมื่อวันพฤหัสบดีนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายในตลาดการเงินโลกโดยรวมที่เกิดจากการเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ต่อคู่ค้าสำคัญที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งในขณะเดียวกันทรัมป์ได้สนับสนุนการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ