ASEFA - IPO Stock

ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1

ASEFA ถือเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตสวิตช์บอร์ดไฟฟ้าของประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดราว 10% สูงสุดในประเทศ โดยจุดเด่นทางธุรกิจคือบริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสวิตช์บอร์ดไฟฟ้า ที่มีคุณภาพสูง มีทีมงานวิจัยผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ซึ่งได้รับรองมาตรฐานสากลระดับโลกอย่าง IEC ANSI และ NEMA ซึ่งทำให้บริษัทฯ ได้รับลิขสิทธิ์ในการผลิตสวิตช์บอร์ดจากบริษัทชั้นนำของโลก อาทิ Schneider และ Socomec จากประเทศฝรั่งเศส โดย บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการขายเพิ่มทุนเพื่อใช้ในการขยายโรงงาน และจัดตั้งสาขาในต่างจังหวัด ซึ่งช่วยหนุนให้ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่องรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม และเงินส่วนหนึ่งชำระคืนหนึ้เงินกู้ และใช้เป็นทุนหมุนเวียน

ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐและเอกชน

ธุรกิจสวิตช์บอร์ดไฟฟ้าอยู่ในช่วงการเติบโต ด้วยโครงการลงทุนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐและโครงการลงทุนภาคเอกชน ที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์สวิตซ์บอร์ดมีการลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจการให้บริการศูนย์ข้อมูล โรงฟ้าต่างๆที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าของประเทศ รวมทั้งการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนตามโครงการลงทุนพัฒนาด้านคมนาคม โดยกระทรวงพลังงานประเมินกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ราว 3.7 หมื่นเมกะวัตต์ เป็น 7 หมื่นเมกะวัตต์ในปี 2573 หรือเพิ่มเฉลี่ย 4% ต่อปี ในช่วง 15 ปีข้างหน้า แต่ธุรกิจสวิตช์บอร์ดจะเติบโตในอัตราเร่งกว่าเท่าตัวด้วยการใช้ไฟฟ้าสัดส่วนกว่า 62% ใช้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท

คาดการณ์กำไรเติบโตโดดเด่นในช่วง 3 ปีข้างหน้า

เราคาดการณ์กำไรสุทธิหุ้น ASEFA เติบโต เฉลี่ย 27% ต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยคาดรายได้ในปี 58 จะเติบโตโดดเด่น 40% YoY เป็น 2.36 พันล้านบาท โดยคาดธุรกิจหลักผลิตและจำหน่ายสินค้าที่ราว 2 พันล้านบาท เติบโตราว 18%YoY จากฐานรายได้ที่ต่ำในปีก่อน กอปรกับรับผลบวกจากการเติบโตของโครงการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่มีความต้องการใช้สวิตช์บอร์ดมากขึ้น และเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่โครงการรื้อถอนโรงไฟฟ้าบางปะกง โดยการจำหน่ายซากอุปกรณ์ราว 360 ล้านบาท และคาดว่าโครงการดังกล่าวจะรับรู้รายได้ส่วนที่เหลืออีกราว 200 ล้านบาทในปี 59

มูลค่าเหมาะสม 4.50 บาท

เรามองว่าหุ้น ASEFA มีความน่าสนใจในการลงทุน เนื่องจากเป็นหุ้น Growth Stock ที่แนวโน้มเติบโตโดดเด่นใน 3 ปีข้างหน้า เราประเมินมูลค่าเหมาะสมของ ASEFA ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสดอิสระ (DCF) จาก WACC ที่ 11.1% ได้มูลค่าหุ้น 4.50 บาท เทียบเท่า P/E ที่ 15 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5ปี ของกลุ่มวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักรที่ 17 เท่า และคาดว่าหุ้นให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 4.5% เทียบจากราคา IPO ที่ 3.70 บาท