'ไทยเบฟ' เดิมเกมยึดตลาดอาเซียน

'ไทยเบฟ' เดิมเกมยึดตลาดอาเซียน

"ไทยเบฟ"ประกาศเดินเกมยึดตลาดอาเซียน รับสนใจซื้อหุ้น "ไซง่อนเบียร์-ฮานอยเบียร์" พร้อมลุยต่อธุรกิจเครื่องดื่มฟิลิปปินส์ อินโดฯ เมียนมา กัมพูชา

หลังไทยเบฟเวอเรจ ยักษ์ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในไทย ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เข้าซื้อกิจการเฟรเซอร์แอนด์นีฟ (เอฟแอนด์เอ็น) กลายเป็น “ปฐมบท”ของการเดินเกมรุกตลาดอาเซียนจริงจัง ล่าสุด ยังปรับโครงสร้างผู้บริหารระดับสูงครั้งใหญ่ จัดทัพรองรับขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรอาเซียน

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) ย้ำว่า บริษัทต้องการเป็น “ผู้นำ” เครื่องดื่มในอาเซียน สานวิสัยทัศน์ 2020 ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศเป็น 50%จากปัจจุบันมากกว่า 40%

ทั้งนี้ แนวทางการขยายธุรกิจจากนี้ไป จะให้ความสำคัญกับการบุกตลาดกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนา (ซีแอลเอ็มวี) รวมถึงในไทยมากขึ้น

ล่าสุด สนใจศึกษาตลาดและเตรียมเข้าซื้อหุ้นธุรกิจเครื่องดื่มเบียร์ในเวียดนาม ได้แก่ บริษัท ไซง่อนเบียร์ แอลกอฮอล์ เบเวอเรจ คอร์เปอเรชั่น (ซาเบคโค) เจ้าของแบรนด์ไซ่ง่อนเบียร์ และบริษัท ฮานอยเบียร์ แอลกอฮอล์ แอนด์ เบเวอเรจ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เจ้าของแบรนด์ เบียร์ฮานอย

โดยก่อนหน้านี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลเวียดนามเตรียมขายหุ้นที่ถืออยู่ในสองบริษัทเบียร์ดังกล่าว เพื่อนำเงินมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยคู่แข่งของไทยเบฟ ได้แก่ บริษัทอาซาฮี กรุ๊ป โฮลดิ้ง และบริษัทไฮเนเก้น โฮลดิ้ง เอ็นวี

รอกระบวนการซื้อหุ้นเวียดนาม

นายฐาปน กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรอให้รัฐบาลเวียดนามกำหนดกระบวนการซื้อหุ้น และบริษัทยังสนใจซื้อหุ้นเพิ่มในบริษัทวีนามิลล์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและทำตลาดผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม จากปัจจุบันบริษัทในเครืออย่างเอฟแอนด์เอ็น ครองหุ้นในบริษัทดังกล่าวราว 11% ของทุนจดทะเบียน

ลุยต่อ“เครื่องดื่ม-โลจิสติกส์”

นอกจากนี้ ยังเข้าไปศึกษาการลงทุนธุรกิจเครื่องดื่มในเมียนมา และกัมพูชา ส่วนฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย จะเป็นการลงทุนขยายตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ โดยในเมียนมา สนใจเข้าไปขยายธุรกิจโลจิสติกส์ การจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า จากที่ผ่านมา บริษัทมีธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศดังกล่าว แต่ขายกิจการไปเมื่อปีที่ผ่านมา

“เวียดนาม-เมียนมา”เนื้อหอมสุด

ทั้งนี้ หากพิจารณาตลาดในอาเซียนพบว่า เวียดนามและเมียนมา เป็นดาวรุ่ง ขณะที่ประเทศอื่นๆสถานการณ์เศรษฐกิจเติบโตลดลง

“อนาคตการลงทุนจะให้น้ำหนักกับ 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอนแอลกอฮอล์ และโลจิสติกส์ ในประเทศอาเซียนเรื่องสำคัญ โดยมีตลาดเวียดนามตลาดหลัก"

ลงทุนกว่าหมื่นล้านปีหน้า

นายฐาปน กล่าวว่า ในปีหน้า เตรียมงบประมาณกว่า 9,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนเป็นการทั่วไปทั้งบริหารจัดการ บำรุงรักษาเครื่องจักร ซึ่งงบดังกล่าวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน และให้น้ำหนักการลงทุนไปยังธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์เป็นหลัก ขณะเดียวกันได้ใช้งบกว่า 2,000 ล้านบาท ในการสร้างแบรนด์ “ช้าง” ส่วนธุรกิจต่างประเทศ มีการลงทุนในโรงงานสก๊อตวิสกี้ ที่ประเทศอังกฤษต่อเนื่องจากปีก่อนด้วย

ปัจจุบันไทยเบฟ เป็นบริษัทเครื่องดื่มครบวงจรชั้นนำของอาเซียน มีมูลค่าธุรกิจตามราคาตลาด 2.35 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคิดเป็น 5.875 แสนล้านบาท (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์) และเป็นบริษัทเครื่องดื่มครบวงจร 1 ใน 5 ของเอเชีย

เล็งขายเบียร์ช้างในเวียดนาม

นายประภากร ทองเทพไพโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ไทยเบฟ กล่าวว่า ในเดือนก.ย.นี้ เตรียมนำเบียร์ช้างไปทำตลาดในเวียดนาม ผ่านเครือข่ายห้างโมเดิร์นเทรดอย่าง เมโทร เวียดนาม และอาศัยการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าของภูไท ไทยคอร์ป อินเตอร์เนชั่นแนล ในเครือบมจ.เบอร์ลี่ยุคเกอร์ หรือบีเจซี

นอกจากนี้ ยังมีแผนจะนำสุราที่ผลิตในไทย ไปจำหน่ายในอาเซียน ส่วนในกัมพูชา ได้เข้าไปทำตลาดเบียร์ช้างเมื่อปี 2558 หลังจากได้ตัวแทนจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าอย่างATTWOODที่เคยทำตลาดให้กับแบรนด์ไฮเนเก้นมาแล้ว

ตั้งเป้าขึ้นเบอร์1เบียดสิงห์

ส่วนการทำตลาดเบียร์ช้างในไทย บริษัทต้องการมีส่วนแบ่งทางการตลาดเบียร์ช้าง ขึ้นเป็น “ผู้นำ” ภายในปี 2563 หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดแตะ 45%
ปัจจุบันกลุ่มไทยเบฟ มีธุรกิจอยู่ใน 70 ประเทศทั่วโลก มีโรงงานอยู่ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน และสหราชอาณาจักร มีพนักงานขับเคลื่อนธุรกิจกว่า 4 หมื่นคนทั่วโลก