กาแฟพระราชทาน ‘ดอยช้าง’ ธุรกิจชุมชนสร้างอาชีพยั่งยืน

กาแฟพระราชทาน ‘ดอยช้าง’ ธุรกิจชุมชนสร้างอาชีพยั่งยืน

กาแฟดอยช้าง เกิดขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ที่มีพระราชประสงค์ให้เกษตรกรบนพื้นที่ดอยสูงต่างๆ ทางภาคเหนือได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมถึงชาวไทยภูเขาบน “ดอยช้าง”  ซึ่งประกอบด้วยชนเผ่าอาข่า ลีซู จีนยูนาน ได้มี “อาชีพที่ยั่งยืน” และ “มั่นคง” แก้ปัญหาการทำไร่เลื่อนลอย การปลูกฝิ่น

จากต้นกล้ากาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานให้กับชาวบ้านดอยช้างจำนวน 40 ครอบครัว ในปี 2512 ทำให้ทุกวันนี้ชาวบ้านดอยช้าง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ได้มีอาชีพที่มั่นคง สามารถเลี้ยงตัวเอง รวมถึงครอบครัวได้ ทั้งยังทำให้ “กาแฟพระราชทาน” กลายเป็นกาแฟที่ดีมีคุณภาพระดับโลกเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก ในชื่อ “กาแฟดอยช้าง” ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด ที่มีสมาชิกเป็นเกษตรกรในหมู่บ้านดอยช้างหลายพันครัวเรือน

ปณชัย พิสัยเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด หรือ “อาเดล”  อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านดอยช้าง หนึ่งในผู้ก่อตั้ง กาแฟดอยช้าง ร่วมกับ วิชา พรหมยงค์ (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) และ พิษณุชัย แก้วพิชัย ประธานที่ปรึกษาวางแผนการตลาด

ปณชัย  กล่าวว่า ปณิธานที่มุ่งมั่นของการทำธุรกิจกาแฟดอยช้าง คือ การทำให้กาแฟดอยช้างมีคุณภาพที่ดีที่สุด และคำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรเป็นเรื่องหลัก ซึ่งตรงกับแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้ชาวไทยภูเขามีอาชีพที่ยั่งยืนสามารถหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ในการปลูกกาแฟ เกษตรกรได้น้อมนำแนวพระราชดำริเกษตรแบบผสมผสานมาใช้ โดยจะมีการปลูกพืชอื่นๆ แซมลงในสวนกาแฟด้วย เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการดำรงชีวิต มีรายได้ตลอดทั้งปี

“ต้นกาแฟเป็นพืชที่ต้องการร่มเงาจากไม้ใหญ่อยู่แล้ว การทำเกษตรแบบผสมผสานจึงทำให้ผลผลิตของกาแฟดีและมีคุณภาพสูง นอกจากนี้การทำเกษตรแบบผสมผสานยังเป็นการช่วยสร้างป่าให้เพิ่มขึ้น และสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศน์ทั้งดินและน้ำอีกด้วย”

ปัจจุบันพื้นที่บนดอยช้างกว่า 3 หมื่นไร่ ที่เคยเป็นภูเขาหัวโล้นจากการปลูกฝิ่นกลายเป็น “ป่ากาแฟ” และพืชเมืองหนาวทั้งหมด และด้วยพื้นฐานชาวบ้านส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นชาวไทยภูเขาจึงยังมีการดำรงชีวิตแบบวัฒนธรรมดั้งเดิม มีการใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบพออยู่พอกินเน้นความพอเพียงตามแนวพระราชดำริ

ปัจจุบัน “กาแฟดอยช้าง” มีชื่อเสียงทั่วโลก มีมูลค่าธุรกิจนับพันล้านบาท และยังดำเนินธุรกิจในรูปแบบชุมชน มีการ “รวมกลุ่ม” สร้างความเข้มแข็งด้วยการกำหนดราคากาแฟให้มีมาตรฐาน

โดยโรงงานกาแฟดอยช้างจะมีการกำหนดราคากาแฟผลสด หรือ กาแฟเชอร์รี่ไม่ต่ำกว่า 20 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาสูง เพื่อลดการเอาเปรียบของพ่อค้าคนกลาง นอกจากนี้ยังมีการประชุมดูแลกันในชุมชนเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น และสร้างชุมชนให้เข้มแข็งเพื่อพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ส่งต่ออาชีพปลูกกาแฟจากรุ่นสู่รุ่น

แม้วันนี้ ธุรกิจจะมีการขยายตัวมากขึ้น แต่ กาแฟดอยช้าง ยังคงยึดมั่นในปณิธานที่จะเดินตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีพระราชประสงค์ให้เกิดการพัฒนาในอาชีพของชาวไทยภูเขาอย่างยั่งยืน และยึดหลักความพอเพียงในการดำเนินชีวิต

บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด ยังมีการก่อตั้ง “มูลนิธิกาแฟดอยช้าง” เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ทั้งในด้านการศึกษาและการพยาบาล หรือแม้กระทั่งชีวิตความเป็นอยู่และอาชีพ โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งนำเข้ามูลนิธิกาแฟดอยช้าง เพื่อนำไปสนับสนุนด้านการศึกษาและพยาบาลในหมู่บ้านดอยช้างและหมู่บ้านใกล้เคียง

กาแฟดอยช้างได้ส่งต่อความรู้เรื่องการปลูกกาแฟ การผลิตกาแฟ และการดำเนินธุรกิจ “ร้านกาแฟดอยช้าง” ให้ผู้ที่สนใจผ่านระบบแฟรนไชส์และไม่ใช่แฟรนไชส์ เพื่อสามารถประกอบ “อาชีพกาแฟ” ด้วยความสุจริตและเป็นธรรม รวมถึงมีการพัฒนาการผลิตกาแฟให้มีคุณภาพมาตรที่ดีเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยนานเท่านาน