อานิสงส์โครงการ“บ้านล้านหลัง” หนุนตลาด“รับสร้างบ้าน”ตจว.
สมาคมไทยรับสร้างบ้าน คาดสถานการณ์ธุรกิจปีนี้ อานิสงส์โครงการบ้านล้านหลัง ดันตลาดบ้านสร้างเอง ปรับตัวสูงขึ้น ในกลุ่มราคาไม่เกิน 1 ล้าน โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด
สมาคมไทยรับสร้างบ้าย คาดสถานการณ์ธุรกิจปีนี้ อานิสงส์โครงการบ้านล้านหลัง ดันตลาดบ้านสร้างเอง ปรับตัวสูงขึ้น ในกลุ่มราคาไม่เกิน 1 ล้าน โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด ลุ้นเลือกตั้งราบรื่น หนุนดีมานด์ แจงโจทย์ท้าทาย “ต้นทุนวัสดุพุ่ง - การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี” ฉุดกำไรต่อหน่วยไม่น้อยกว่า 2-3%
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน คาดการณ์สถานการณ์ธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2562 ว่า ปริมาณและมูลค่าตลาด “บ้านสร้างเอง” มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มบ้านระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ปัจจัยหลัก ๆ เป็นผลมาจาก “โครงการบ้านล้านหลัง” ของรัฐบาลที่เปิดตัวในช่วงปลายปี 2561 ซึ่งผู้บริโภคและประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ดี ประเมินว่าโครงการนี้อานิสงส์คงจะตกอยู่เฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย และกลุ่มผู้รับสร้างบ้านน๊อคดาวน์ที่เน้นเจาะตลาดบ้านระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท และคาดว่าปริมาณและมูลค่าตลาดจะขยายตัวในต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่
ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ “รับสร้างบ้าน” โดยเฉพาะผู้ประกอบการ ที่เน้นจับตลาดสร้างบ้านระดับราคา 3-20 ล้านบาท สมาคมฯ ประเมินว่าความต้องการของผู้บริโภคจะขยายตัวสูงกว่าปีก่อน โดยในช่วงต้นปี 2562 นี้ ไทยจะมีการเลือกตั้ง และกลับเข้าสู่การปกครองในระบบอบประชาธิปไตย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญและส่งผลดีในแง่ของความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อทิศทางการเมืองในอนาคต และจะส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนเรื่องบ้านหรือที่อยู่อาศัยหลังใหม่
แต่หากความเชื่อมั่นการเมือง หดหายก็จะส่งผลให้เกิดการชะลอตัดสินใจหรือลงทุน สะท้อนได้จากเหตุการณ์รัฐประหารที่เกิดขึ้นในปี 2535 ปี 2549 และปี 2557 ตลาดรับสร้างบ้านชะลอตัวลงทุกครั้ง
นอกจากนี้ยังเห็นว่า ในปี 2562 อาจมีปัจจัยที่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านจะต้องบริหารความเสี่ยงอยู่พอสมควร ทั้งภาพรวมเศรษฐกิจประเทศที่อาจหดตัวจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลก ต้นทุนวัสดุที่จะปรับตัวสูงขึ้นเนื่องมาจากความต้องการของตลาดสูงขึ้น เป็นผลมาจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐที่ขยายตัว สภาพการแข่งขันราคาของตลาดรับสร้างบ้านที่ยังรุนแรง ปัญหาแรงงานขาดแคลนที่ทวีความรุนแรงขึ้น การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีก่อสร้างและการสื่อสาร ฯลฯ
ขณะที่ปริมาณและมูลค่า “ตลาดบ้านสร้างเอง” ในปี 2562 สมาคมฯ ประเมินว่าน่าจะขยายตัวได้ใกล้เคียงหรือเติบโตกว่าเล็กน้อย หากเปรียบเทียบกับในปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1.4-1.5 แสนล้านบาท ทั้งนี้คาดการณ์ว่า “กลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้าน” จะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาทเศษ เติบโตเฉลี่ย 7-8% และสัดส่วนการขยายตัวของตลาดรับสร้างบ้านในภูมิภาค มีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าตลาดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคอีสานคาดว่าจะขยายตัวสูงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ
นอกจากนี้กลุ่มผู้ผลิตวัสดุรายใหญ่ กลุ่มสถาปนิกออกแบบและผู้รับเหมาขนาดกลาง-ใหญ่ที่ให้บริการรับสร้างบ้าน คาดว่าส่วนแบ่งตลาดน่าจะเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8.5-9 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ ประเมินว่า แรงกดดันจากผู้บริโภคในยุค 4.0 และการปรับตัวของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง จะส่งผลให้มูลค่าบ้านและกำไรต่อหน่วยของผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้าน ปรับตัวลดลงไม่น้อยกว่า 2-3% โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ชื่อเสียงของแบรนด์หรือองค์กร ยังไม่เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือดีพอ กำไรต่อหน่วยอาจปรับตัวลดลงมากกว่านี้