'บีทีเอส' กำไรไตรมาสแรกพุ่ง 113%
"บีทีเอส" กวาดรายได้ไตรมาสแรกกว่า 9 พันล้านบาท หนุนกำไรสุทธิ 1,006 พันล้านบาท โต 113%
บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2562/63 มีรายได้รวมจากการดำเนินงานสูงถึง 9,086 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,996 ล้านบาท หรือ 194% จากปีก่อนหน้า และ มีกำไรสุทธิจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำ จำนวน 1,006 ล้านบาท เติบโตถึง 534 ล้านบาท หรือ 113%
นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS Group เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ถือเป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่น่าพึงพอใจและเติบโตทะลุเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้โดยบีทีเอส กรุ๊ปฯ ตั้งเป้ากำไรสุทธิจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำ5 ปีจะเติบโตเฉลี่ย25%ต่อปี จากการวางรากฐานที่ดีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และเรายังคาดว่าจะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ที่จะเปิดให้ประมูลในอนาคต
นายกวินกล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2562/63 (งวดเดือนเมษายน – มิถุนายน 2562) ถือเป็นการเริ่มต้นปีงบประมาณที่โดดเด่นสำหรับธุรกิจระบบขนส่งมวลชนโดยมีรายได้จากการดำเนินงาน จำนวน 7,208 ล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 298% หรือ 5,395 ล้านบาท จากปีก่อน
ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง จำนวน 4,335 ล้านบาท รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและจัดหารถไฟฟ้าภายใต้สัญญาสัมปทานสำหรับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้และเหนือ โดยเพิ่มขึ้น 444ล้านบาท หรือ 48% จากปีก่อน เป็น 1,370 ล้านบาท
นอกจากนี้ การเปิดให้บริการโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง - เคหะฯ) ทั้งสายตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง เติบโตขึ้น 84% หรือ 378 ล้านบาทจากปีก่อน เป็น 830 ล้านบาท
ในด้านธุรกิจสื่อโฆษณายังคงสร้างผลงานที่โดดเด่นเป็นที่น่าพอใจตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ โดย บมจ.วีจีไอ (VGI) สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 25% หรือ 274 ล้านบาท จากปีก่อน เป็น1,392 ล้านบาทปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในกลุ่มธุรกิจบริการด้านดิจิทัล อันเป็นผลมาจากการควบรวมงบการเงินของกลุ่ม Trans.Ad(ผู้ให้บริการด้านงานระบบแสดงสื่อมัลติมีเดียแบบครบวงจร)
รวมไปถึงการเติบโตของรายได้ในแรบบิท กรุ๊ป กำไรสุทธิของธุรกิจสื่อโฆษณาในไตรมาสนี้ จำนวน 304ล้านบาท เป็นผลมาจากความร่วมมือทางด้าน synergy ภายในกลุ่มVGI ที่เพิ่มขึ้นเห็นได้จากวีจีไอยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านการขยายไปในธุรกิจใกล้เคียง การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงการปรับเปลี่ยนการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเสนอแก่ลูกค้า นอกจากนี้ จากการผนึกกำลังกับ PlanBในการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆจะทำให้ วีจีไอเพิ่มขีดความสามารถเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวต่อไป
นายกวินกล่าว “จากการที่รัฐบาลเดินหน้าผลักดันโครงการระบบขนส่งมวลชนต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดนับเป็นเรื่องดี เนื่องจากสอดคล้องกับกลยุทธ์ของเราที่มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจระบบขนส่งมวลชนเป็นหลัก โดยเราคาดว่าการพัฒนาธุรกิจดังกล่าวจะเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจอื่นๆ ที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจบริการ
นอกจากนี้ จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่เรามีในธุรกิจระบบขนส่งมวลชนทางรางตลอด 19 ปีที่ผ่านมา เราจึงมีความพร้อมที่จะขยายโอกาสและศึกษาความเป็นไปได้ครอบคลุมไปยังระบบขนส่งมวลชนและโครงการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจหลักของเราที่มุ่งหวังจะเป็นผู้นำและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองในกรุงเทพมหานครอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เราไม่เพียงแต่มุ่งหวังจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองเท่านั้น แต่ยังคงมองหาโอกาสในการเพิ่มมูลค่าและให้ผลตอบแทนที่ยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้นของเราอีกด้วย”
นายดาเนียล รอสส์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการลงทุน ให้ข้อมูลว่า ธุรกิจขนส่งมวลชนจะยังเป็นธุรกิจหลักในการเติบโตของทั้งรายได้และกำไร และในส่วนของรัฐบาลชุดใหม่ยังคงมุ่งเน้นการขยายโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง บีทีเอส กรุ๊ปฯ เองนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงข่ายดังกล่าว โดยในขณะนี้เรากำลังพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง รวมถึงโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียว การเปิดให้บริการของทั้ง3 โครงการดังกล่าวภายในปี 2564จะทำให้จำนวนระยะทางในการให้บริการของเราขยายตัวประมาณ3 เท่าจากระยะทางปัจจุบัน นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา รถไฟฟ้าบีทีเอสได้เปิดทดลองการให้บริการสถานีแรกของโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ (N9: ห้าแยกลาดพร้าว) และยังคาดว่าจะเปิดให้บริการอีก 4 สถานี (ถึงสถานี N13: สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) ภายในปีนี้
“เราเชื่อมั่นว่าการเปิดให้บริการทั้ง 5 สถานีดังกล่าวในปีงบประมาณนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าสายหลักของเราได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงจะช่วยเพิ่มรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงได้อย่างมีนัยสำคัญ” ทั้งนี้ โครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือทั้งสายจากหมอชิตถึงคูคต (ระยะทาง 17.8 กม., 16 สถานี) คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2653” นายดาเนียล กล่าวเพิ่มเติม