BCH - ซื้อ

BCH - ซื้อ

แนวโน้ม 2H62 จะเร่งตัวดีขึ้นจากเข้าสู่ High Season

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • รายงานกำไร 2Q62 เท่ากับ 244 ลบ. (-2.4%YoY -1.7%QoQ): แม้งวด 2Q62 บริษัทมีรายได้ เท่ากับ 2,167 ลบ. (+11%YoY +2.8%QoQ) เติบโตทั้งกลุ่มลูกค้าเงินสด และกลุ่มลูกค้าประกันสังคม โดยกลุ่มลูกค้าเงินสดโต 8%YoY จากลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ประกอบกับผลบวกจาก รพ.เกษมราษฎร์ รามคำแหง ที่เปิดเมื่อเดือน ต.ค. 61 และกลุ่มลูกค้าประกันสังคมโต 19%YoY ตามจำนวนผู้มาประกันตนเพิ่มขึ้น โดย 2Q61 มีผู้มาประกันตนทั้งหมดเพิ่มขึ้นสู่ 6 แสนราย (+10%YoY +2.4%QoQ) เทียบกับ 2Q61 และ 1Q62 มีผู้ประกันตนเท่ากับ 7.8 และ 8.4 แสนราย ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ผลประกอบการในงวด 2Q62 ถูกกดดันด้วยค่าใช้จ่ายพิเศษในการตั้งสำรอง Employee Benefit ราว 18 ลบ. หากตัดรายการดังกล่าวออก กำไรปกติจะเท่ากับ 262 ลบ. (+4.8%YoY +5.6%QoQ) ในช่วง 1H62 มีกำไร เท่ากับ 465 ลบ. +6%YoY
  • แนวโน้มผลประกอบการ 2H62 จะเร่งตัวดีขึ้น : โดยในช่วง 3Q62 เราคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ จากการเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจโรงพยาบาล ขณะที่ รพ.World Medical Center (WMC) จะเติบโตแข็งแกร่งจากการกลับมาของกลุ่มลูกค้าชาวตะวันออกกลาง หลังจากผ่านพ้นช่วงเทศกาลถือศีลอด และการย้ายศูนย์โรคเบาหวานจากชั้น 9 มายังชั้นล่างได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว หนุนให้ลูกค้าต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับ ช่วงปลาย 3Q62 ยังเตรียมเปิดศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าชาวจีน ขณะที่ รพ.เกษมราษฎร์ รามคำแหง จะ Break even เร็วกว่าที่คาด โดยคาดว่า EBITDA จะเริ่มเป็นบวกในไตรมาสนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังรับรู้รายได้ตกเบิกจากโครงการประกันสังคมอีกราว 50-60 ลบ. (หักต้นทุนแล้ว) ประกอบกับคาดว่าจำนวนผู้มาขอโควต้าประกันสังคมในปีนี้จะโตราว 10% โดยทั้งปี 62 เราคาดกำไรราว 1,179 ลบ. +8.2%YoY
  • ปี 63 มีลุ้นปรับรายได้ค่ารักษากลุ่มผู้ป่วยประกันสังคมเป็นอัพไซต์ : หลังจากกลุ่มสมาคม รพ.เอกชน เรียกร้องขอปรับขึ้นค่ารักษากลุ่มลูกค้าประกันสังคม เฉลี่ยราว 12-15% หลังจากที่ไม่ได้ปรับขึ้นมาราว 3 ปี อย่างไรก็ดี ประเด็นดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ทั้งนี้ BCH มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้าประกันสังคมเฉลี่ยราว 34% ของรายได้รวม หากประเด็นดังกล่าวได้รับการอนุมัติ คาดจะเป็นอัพไซต์ของผลประกอบการในปี 63
  • เริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ซื้อราคาเหมาะสม 21.00 บาท: เราประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี DCF โดยใช้ WACC เท่ากับ 7.11% และ Terminal Growth เท่ากับ 3% คำนวณได้ราคาเหมาะสม 21.00 บาท ซึ่งมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบัน จึงเริ่มต้นด้วยคำแนะนำซื้อ

ความเสี่ยง

     i)  แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมโรงพยาบาลเอกชน

    ii)  ขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์

   iii)  ความเสี่ยงจากนโยบายภาครัฐ และกำหนดการจ่ายเงินของกองทุนประกันสังคมที่ล่าช้า