'สามมิตร' ลุยลงทุนอีอีซี เด้งรับธุรกิจขนส่งขยายตัว
"หลังอีอีซีเดินหน้า จะมีการลงทุนเพิ่ม การขนส่งสินค้าและวัตถุดิบจะเพิ่มขึ้นมาก"
การผลักดันเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ส่งผลให้เกิดการลงทุนก่อสร้างขึ้นจำนวนมาก รวมทั้งมีผลต่อเนื่องให้ความต้องการใช้รถบรรทุก รถดัมพ์และรถขนส่ง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจขนส่งและให้ผู้ผลิตรถบรรทุกมีการปรับตัวเพื่อรับโอกาสดังกล่าว
ยงยุทธ โพธิ์ศิริสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามมิตรมอเตอร์สแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อีอีซีส่งผลบวกโดยตรงกับธุรกิจของสามมิตรมอเตอร์ฯ โดยล่าสุดในปี 2557 สามมิตรฯได้ตั้งบริษัท สามมิตรเทค จำกัด มีโรงงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นโรงงานผลิตบอดี้พาร์ทให้โรงงานประกอบรถยนต์ เพื่อขยายฐานการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ไปสู่กลุ่มลูกค้ายานยนต์ในอีอีซีที่ในอนาคตจะขยายตัวขึ้น
การขยายระบบรางในอีอีซีและพื้นที่อื่น รวมถึงการเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมทั้งทางถนนและระบบรางกับโครงการวันเบลต์ วันโรดของจีนทำให้รูปแบบการขนส่งของไทยเปลี่ยนไปจากปัจจุบันใช้เส้นทางถนนเป็นหลัก ไปสู่การขนส่งทางถนนไปส่งต่อสถานีรถไฟเพื่อเปลี่ยนเข้าสู่ระบบรางไปทั่วประเทศ รวมถึงเชื่อมไปจีนและประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ใช้เส้นทางถนนสั้นลง แต่จะมีจำนวนเที่ยวเพิ่มขึ้น เพื่อขนส่งจากโรงงานไปสถานีรถไฟ
“หลังอีอีซีเดินหน้าเต็มที่ จะมีโรงงานเข้ามาตั้งฐานการผลิตตามเป้าหมายที่วางไว้ จะทำให้มีปริมาณการขนส่งสินค้าและวัตถุดิบในพื้นที่อีอีซีเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งจะทำให้มีการใช้รถเทรลเลอร์ขยายตัว เพื่อส่งสินค้าจากโรงงานไปยังสถานีรถไฟไปสู่จุดเชื่อมระบบรางใหม่ๆ กระจายสินค้าไปทั่วประเทศไปถึงประเทศจีนและเพื่อนบ้าน”
จากการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่รวดเร็วส่งผลให้รูปแบบของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์เปลี่ยนไป ทำให้สามมิตรฯ ปรับรูปแบบธุรกิจจากการเป็นผู้ผลิตรถบรรทุกขนส่งขนาดต่างๆ และชิ้นส่วนยานยนต์ไปสู่การให้บริการครบวงจร ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเติบโตระยะยาว โดยจะดูแลตั้งแต่การออกแบบผลิตไปจนถึงการให้บริการหลังการขายจนสิ้นสุดอายุการใช้งาน และเก็บข้อมูลมาปรับปรุงการให้บริการต่อเนื่อง
โดยได้ตั้งบริษัท สามมิตร สมาร์ท โมบิลิตี้ จำกัด และสร้างแพลตฟอร์มใหม่ของการให้บริการธุรกิจการขนส่ง ซึ่งช่วยให้บริการจัดการรถขนส่งได้ตลอดอายุการใช้งาน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าตั้งแต่เริ่มซื้อผลิตภัณฑ์จนสิ้นอายุการใช้งาน ทำให้เพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจและช่วยเพิ่มศักยภาพในการลงทุนอย่างชัดเจน
แพลตฟอร์มดังกล่าวประกอบด้วยระบบฐานข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทั้งภาคผู้ผลิตและผู้บริโภค มีระบบ CLOUD-BASED แพลตฟอร์ม เพื่อติดตามยานพาหนะ เช่น รถบรรทุก รถเทรเลอร์ ทั้งเรื่องการบำรุงรักษารถการใช้งาน รวมถึงพฤติกรรมการขับขี่ของคนขับรถ รวมทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลของรถได้ทุกประเภท จะช่วยยกระดับธุรกิจขนส่งของประเทศทั้งความปลอดภัย คุ้มค่า สินค้าถูกส่งตรงเวลาและลดความสูญเสีย
รวมทั้งได้ตั้งบริษัท สามมิตร พีทีจี โปรทรัค โซลูชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด เพื่อให้บริการบำรุงรักษารถบรรทุกและรถเทรเลอร์ที่มีเครือข่ายทั่วประเทศด้วยช่างที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อำนวยความสะดวกบริการทั้งรถบรรทุกและรถพ่วงด้วยชิ้นส่วนอะไหล่ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และมีพื้นที่ให้การดูแลคนขับให้ได้รับความสะดวกสบาย โดยปัจจุบันมี 10 ศูนย์ และภายใน 5 ปี จะขยายให้ครบ 100 ศูนย์
“ปัจจุบันรถบรรทุกมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 8-10 ปี แต่ค่ายรถจะดูแลเพียงแค่ช่วง 3-5 ปีแรก หลังจากนั้นผู้ประกอบการต้องดูแลเอง ซึ่งการนำรถไปซ่อมบำรุงในอู่รถบรรทุกอาจไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้น สามมิตรฯ จึงมาช่วยดูแลส่วนนี้จนสิ้นสุดอายุการใช้งานอย่างครบวงจร รวมทั้งจะใช้ระบบ IoT และเทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยให้ผู้ประกอบการประหยัดค่าใช้จ่าย และใช้รถบรรทุกได้คุ้มค่ามากขึ้น”
สามมิตรฯ ตั้งเป้าธุรกิจบริการจะทำรายได้ให้กับบริษัทคิดเป็น 1 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งในปีที่ผ่านมากลุ่มบริษัทสามมิตรฯ มีรายได้รวม 6,800 ล้านบาท คาดว่าปี 2562 จะมีรายได้ 7,200 ล้านบาท ขยายตัว 5% และในปี 2567 จะมีรายได้รวม 10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ไม่เพียงขยายไปสู่ธุรกิจบริการ สามมิตรฯ ยังได้มุ่งไปสู่การวิจัยพัฒนาเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพสูงขึ้น โดยใช้งบลงทุนวิจัยพัฒนาคิดเป็นสัดส่วน 2-3% ของรายได้รวม ซึ่งได้ร่วมกับพันธมิตรวิจัยเหล็กที่มีน้ำหนักเบาแต่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อผลิตรถเทรลเลอร์ทำให้มีน้ำหนักเบากว่ายี่ห้ออื่น 2 ตัน ทำให้ประหยัดน้ำมันเชื่อเพลิง และการลดการสึกหลอ โดยรถรถเทรลเลอร์จะมีราคาสูงกว่าปกติไม่เกิน 10% แต่ช่วยเพิ่มกำไรให้กับผู้ประกอบการ และที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับที่ดี
รวมทั้งล่าสุดได้ร่วมกับพันธมิตรจากจีนศึกษาความเป็นไปได้ในการนำรถบรรทุกไฟฟ้ามาใช้ในไทย หากผลการศึกษามีความคุ้มค่าต่อการลงทุนมีราคาที่เหมาะสม และตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีจะดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าในไทย โดยปัจจุบันจีนโดดเด่นในเทคโนโลยีนี้ และจีนเริ่มใช้รถบรรทุกไฟฟ้าบ้างแล้ว คาดว่าใช้เวลาศึกษา 3-5 ปี
ส่วนธุรกิจในต่างประเทศ ได้ตั้งบริษัท สามมิตร อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนในการลงทุนและทำตลาดต่างประเทศ รวมทั้งศึกษาโอกาสและลุ่ทางการขยายธุรกิจในต่างประเทศทั้งในแบบการร่วมลงทุน และการนำพันธมิตรที่มีเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาร่วมลงทุนภายในประเทศ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มสามมิตร ซึ่งปัจจุบันมีสาขาในออสเตรเลีย อินโดนีเซีย เบลเยี่ยม และแอฟริกาใต้
นอกจากนี้ ได้ลงทุนตั้งบริษัทในต่างประเทศที่จีน 2 แห่ง โดยเป็นศูนย์กลางในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มสามมิตร และศูนย์การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องยนต์ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมทั้งยังตั้งบริษัทในประเทศออสเตรเลีย 1 แห่ง ยุโรป 1 แห่ง และอินโดนีเซีย จำหน่ายสินค้าของกลุ่มสามมิตร โดยในปัจจุบันมีรายได้จากต่างประเทศ 8-10% ในอนาคตจะเพิ่มให้ถึง 25-30%