อาเซียนวางเป้าเพิ่มมูลค้าการค้า หวังสองเท่าในปี 2025
ประชุมเออีเอ็ม คืบหน้าตามเป้าหมาย 13 ประเด็นเศรษฐกิจ หวังเพิ่มป้าขยายการค้า 1,180 ล้านดอลลาร์ในปี 2025
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีเอ็มว่า ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการ ใน 3 ประเด็นหลักคือ แผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 (AEC Blueprint 2025) การดำเนินการในประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ไทยในฐานะประธานอาเซียนผลักดันให้อาเซียนร่วมดำเนินการให้สำเร็จในปีนี้ (Priority Economic Deliverables) 13 ประเด็น และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับภายนอกภูมิภาค ซึ่งการประชุมครั้งนี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้รับทราบการเจริญเติบโตของอาเซียนในภาพรวมคงที่ 5.2% ในปี 2018 เท่ากับปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเติบโตปานกลางในปี 2019 และ 2020 ที่ 4.8 % และ 4.9 % ตามลำดับ ขณะที่การค้าและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในปี 2018 สูงขึ้น โดยการค้าสินค้าในอาเซียนเพิ่มขึ้น 8.7 %การค้าบริการเพิ่มขึ้น 10.6 % ในขณะที่ FDI เพิ่มขึ้น 5.3% เป็น 154.7 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่การค้าระหว่างกันภายในภูมิภาค (Intra-ASEAN) คิดเป็นสัดส่วน 23 % และการลงทุน 15.9 %โดยมีจีน สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศคู่ค้าสามอันดับแรกในปี 2018 และสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีนเป็นแหล่งลงทุนสามอันดับแรกของอาเซียน ทั้งนี้อาเซียนได้ตั้งเป้าหมายการค้าให้เพิ่มเป็น 2 เท่าภายในปี 2025 โดยมีมูลค่า 1,180 ล้านดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 590 พันล้านดอลลาร์
นางอรมน กล่าวว่า ความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนประชาคมอาเซียนมีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งจะมีการทบทวนพิมพ์เขียวอาเซียนระยะกลาง ระหว่างปี 2020-2001 ส่วนประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ไทยในฐานะประธานอาเซียนผลักดันให้สำเร็จในปีนี้ ที่วางไว้ 13 ประเด็น นั้น โดยสำเร็จไปแล้ว 7 ประเด็น อาทิ การพัฒนากลไกการระดมทุนสำหรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การจัดทำแผนการดำเนินงานตามกรอบการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน การจัดทำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตลาดทุน เอกสารในรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Form D) ผ่านระบบโยงระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (ASEAN Single Window)
ส่วนที่เหลืออีก 6 ประเด็นนั้นอาเซียนจะร่วมกันขับเคลื่อนให้สำเร็จในปีนี้ที่ไทยเป็นประธาน เช่น แผนงานด้านนวัตกรรมของอาเซียน 2019-2025 และประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการเงิน การท่องเที่ยว และประมง รวมทั้งการสรุปการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซ็ป(RCEP) ทั้งนี้มั่นใจว่า ประเด็นที่ไทยจะผลักดันทั้ง 13 ประเด็นจะสำเร็จได้ภายในปีนี้ โดยผลประชุมทั้งหมดนี้จะเสนอให้ที่ประชุมผู้นำอาเซียนให้ความเห็นชอบในเดือนพ.ย.นี้
นางอรมน กล่าวว่า สำหรับการประชุมอาเซียนกับคู่เจรจา ระหว่างวันที่ 9-10 ก.ย.นี้ โดยคู่เจรจาประกอบด้วย ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ สหรัฐ แคนาดา อินเดีย รัสเซีย และฮ่องกง จะมีการหารือเรื่องการเปิดเสรีการค้าเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเทศที่มีการทำเอฟทีเอกับอาเซียน เช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี เป็นต้น ทั้งเรื่องของการอำนวยความสะดวกทางการค้า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การเปิดเสรีสินค้าที่อ่อนไหว รวมถึงการประเมินผลการทำเอฟทีเอที่ผ่านมาด้วย