สรรพสามิตเก็บภาษีความหวานเท่าตัว1ต.ค. นี้
สรรพสามิตเผยอัตราจัดเก็บภาษีความหวานจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในวันที่ 1 ต.ค.นี้ตามแผนการปรับโครงสร้างภาษี ส่งผลให้เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลผสม 10-14 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร จากเดิม 50 สตางค์ต่อลิตร
นายณัฐกร อุเทนสุต รองโฆษกกรมสรรพสามิตกล่าวภายหลังการสัมมนาภาษีความหวานกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องดื่มว่า ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ อัตราภาษีของเครื่องดื่มที่มีความหวานจะปรับขึ้นอีกเท่าตัว ซึ่งเป็นผลจากการที่กรมฯได้ปรับโครงสร้างภาษีดังกล่าวไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยจะส่งผลให้เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลผสม 10-14 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตรหรือ 10-14% เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร จากเดิมต้องเสียภาษี 50 สตางค์ต่อลิตร
เขาระบุว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการยังไม่ค่อยปรับเปลี่ยนเรื่องความหวานมากนัก เพราะกลัวผลกระทบต่อยอดขายให้ลดลง มีบางยี่ห้อออกผลิตภัณฑ์ใหม่หวานน้อยลง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค แต่ยังขายผลิตภัณฑ์เดิมที่มีปริมาณน้ำตาลเท่าเดิม ส่วนหนึ่งผู้ผลิตจะแบกรับภาระต้นทุนภาษีนั้นไว้เอง และบางส่วนผลักภาระภาษีไปให้บริโภค โดยประเมินว่าหลังจากปรับขึ้นภาษีใหม่วันที่ 1 ต.ค.นี้ จะทำให้กรมสามารถจัดเก็บภาษีในกลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 1,500 ล้านบาทต่อปี จากขณะนี้จัดเก็บ 2,000 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ ภาษีความหวานจะเก็บจากกลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม โดยปรับขึ้นแบบขั้นบันใดทุก 2 ปี ในอัตรา 2 เท่า หลังจากนี้ในวันที่ 1 ต.ค. 2564 ภาระภาษีในกลุ่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลผสม10-14% จะเพิ่มจาก 1 บาทต่อลิตรจะเพิ่มเป็น 3 บาทต่อลิตร และในวันที่ 1 ต.ค. 2566 เพิ่มจาก 3 บาทต่อลิตรเพิ่มเป็น 5 บาทต่อลิตร เชื่อว่าหลังจากนี้ไปผู้ประกอบการจะเปลี่ยนสูตรในเครื่องดื่มเพื่อลดความหวานลง
"ในช่วงที่กรมฯเริ่มเก็บภาษีความหวานจากเครื่องดื่มเมื่อ 2 ปีก่อนพบว่า มีกลุ่มเครื่องดื่มให้คามสำคัญปรับลดสูตรความหวานลง 2 เท่าตัว จาก 60-70 สินค้า เพิ่มเป็น 200-300 สินค้า และมีน้ำดำบางค่ายลดปริมาณน้ำตาลลงจาก 10 % เหลือเพียง 7.5% ทำให้เครื่องดื่มดังกล่าวเสียภาษีในอัตราเดิม