ศุภาลัย เดินหน้ารุกฝั่งธน เปิดตัว “ศุภาลัย ไลท์ ท่าพระ” ดักดีมานด์เอ็มอาร์ที ตามติดยอดขายคอนโดหย่อนเป้าเล็กน้อย เล็งงัดแคมเปญกระตุ้นยอดขาย ดันเป้าปีนี้ 3.5 หมื่นล้าน
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัว หลังสถาบันการเงินคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อ รวมไปถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และกำลังซื้อในประเทศ แต่ศุภาลัย ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการ ตามแผนการเปิดตัวโครงการที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี
โดยโครงการล่าสุด เป็นการเปิดตัวย่านฝั่งธนบุรี ในชื่อ ศุภาลัย ไลท์ ท่าพระ-วงเวียนใหญ่ บนพื้นที่2ไร่ จำนวน1อาคาร รวม421ยูนิต มูลค่า1,240ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น1.98ล้านบาท หรือเฉลี่ย66,300-74,600บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จ ปี 2565
โครงการพัฒนาผ่านแนวคิด “Your Life, Your Style สู่อีกขั้นของความสมบูรณ์แบบ ให้ชีวิตโดดเด่นเหนือใคร” ผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบเก่าในยุคโมเดิร์น โคโลเนียล สไตล์ (Modern Colonial)
เขายังระบุว่า ภาพรวมความต้องการที่อยู่อาศัยในบริเวณย่านฝั่งธนบุรียังมีต่อเนื่อง หากเทียบกับซัพพลายที่ย่านนี้ที่ยังมีจำกัด โดยก่อนหน้ามีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ประมาณ 3,000 ยูนิต ที่มีการดูซับตลาดที่อยู่อาศัย (Absorption Rate)ไปแล้ว 70-80% โดยสถานี MRTท่าพระ ถือเป็นสถานีที่ 7 หากนับตั้งแต่ใจกลางเมือง สถานีสีลม ถือเป็นสถานีแรกที่มีการพัฒนาคอนโดมิเนียม ในราคาระดับ 2-3 ล้านบาท ที่ประชาชนคนชั้นกลางที่ถือเป็นคนส่วนใหญ่ของตลาดยังคงสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งโครงการศุภาลัยเข้ามาเติมเพียง 421 ยูนิต จึงถือว่ามีความต้องการ และราคาแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับราคาในตลาดในปัจจุบันในย่านแห่งนี้จำหน่ายที่ราคา 9 หมื่น – 1.2 แสนบาท ต่อตร.ม.
เขายังกล่าวถึงการดำเนินธุรกิจปี2562ยังคงเป็นไปตามแผนที่ตั้งเป้าหมายไว้ โดยการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 30 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรก เปิดโครงการใหม่แล้ว จำนวน9โครงการ มูลค่า19,760ล้านบาท ส่วนในครึ่งปีหลังมีแผนเปิด21โครงการ มูลค่ารวม20,240ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส3มีแผนเปิด14โครงการ เปิดไปแล้ว12โครงการ สำหรับในไตรมาส4 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม7โครงการ มูลค่าประมาณ6,000-7,000ล้านบาท
โดยกลุ่มธุรกิจมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog)ประมาณ 43,434 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยโอนและรับรู้รายได้ในปี 2562 มูลค่า 11,000 ล้านบาท โดยใช้เวลา 4 ปีในการทยอยโอน ในส่วนของที่อยู่อาศัยในกลุ่มคอนโดสร้างเสร็จ (Inventory)มีทั้งสิ้น 10,000ล้านบาท โดยกลุ่มที่น่าห่วงคือกลุ่มที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง มูลค่า 3,000 ล้านบาท และต่างจังหวัดมูลค่า3,000ล้านบาท ที่ยังต้องใช้เวลาดูดซับ ส่วนคอนโดในกรุงเทพฯ ยังมีการดูดซับต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทสามารถทำยอดขายได้จำนวน13,307ล้านบาท แบ่งเป็น สัดส่วนยอดขายจากโครงการคอนโด 44%และโครงการแนวราบ56%ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายมียอดขายรวม35,000ล้านบาท
“แม้ครึ่งปีแรกยอดขายจะหย่อนกว่าเป้าหมายเล็กน้อย โดยกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบไม่มีปัญหา แต่กลุ่มคอนโด หย่อนกว่าเป้าหมายเล็กน้อย ซึ่งจะต้องติดตามยอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากไม่ดีขึ้นก็สามารถกระตุ้นให้ตลาดโดยการเพิ่มแคมเปญเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย”