'ทีแคป' มั่นใจโตแกร่งหลัง 'ธนชาตควบทีเอ็มบี'

'ทีแคป' มั่นใจโตแกร่งหลัง 'ธนชาตควบทีเอ็มบี'

ทุนธนชาต โชว์ฟอร์ม ไตรมาส 3 กำไรพุ่ง 30.17% เผยหลังการรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาตและทีเอ็มบีแล้วเสร็จ บริษัทยังคงมีศักยภาพในการเติบโตที่แข็งแกร่ง

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 ปี 2562 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม จำนวน 4,616 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 2,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 573 ล้านบาท หรือ 30.17% จากไตรมาสก่อน

ในส่วนของงวด 9 เดือน กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ มีจำนวน 6,387 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการดำเนินกลยุทธ์ของธนาคารธนชาตซึ่งเป็นบริษัทลูกของ TCAP ที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยมุ่งเน้นในการเป็นธนาคารหลัก (Main Bank) ของลูกค้า ทำให้ธนาคารธนชาตมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะไตรมาสนี้ที่ธนาคารฯ สามารถสร้างกำไรสุทธิที่สูงเป็นสถิตินิวไฮได้ด้วย

นายสมเจตน์ กล่าวว่า หลังบริษัทฯ ปรับโครงสร้างธุรกิจด้วยการซื้อหุ้นบริษัทย่อยและเงินลงทุนจากธนาคารธนชาต และทําการขายหุ้นสามัญของธนาคารธนชาตที่ถืออยู่ทั้งหมดให้แก่ทีเอ็มบี รวมทั้งซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนทีเอ็มบี เพื่อรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาตกับทีเอ็มบี บริษัทฯ จะมีสภาพคล่องเป็นเงินสดเหลือหลังจากทํารายการดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะนำไปซื้อหุ้นคืนในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท และจะจ่ายเงินปันผลพิเศษ ในอัตราหุ้นละ 4 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้น

ภายหลังธนาคารธนชาตซึ่งเป็นบริษัทลูกไปรวมกิจการกับทีเอ็มบี ธุรกิจของ TCAP ก็จะยังคงมีศักยภาพที่แข็งแกร่ง เพราะธนาคารใหม่หลังรวมกิจการมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเกือบเท่าตัว ทำให้มีความสามารถในการแข่งขันและสร้างผลกำไรที่ดีขึ้น ซึ่งผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นนี้จะสะท้อนมาสู่ TCAP อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก TCAP เป็น 1 ในผู้ถือหุ้นใหญ่ ด้วยสัดส่วนที่มากกว่า 20% นอกจากนี้ TCAP จะยังมีรายได้ที่ดีจากบริษัทลูกซึ่งต่างก็โชว์ผลประกอบที่ดีในงวด 9 เดือนของปีนี้ ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต บริษัท ธนชาตประกันภัย บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง บริษัทบริหารสินทรัพย์ ทีเอส บริษัทบริหารสินทรัพย์ แม๊กซ์ และ บริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็น เอฟ เอส รวมทั้ง TCAP ยังมีการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ อีกด้วย เช่น MBK และ PRG

“เมื่อมองภาพรวมแล้วในอนาคต TCAP ถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตสูง ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการถือหุ้นใหญ่ในธนาคารใหม่ที่เกิดจากการรวมกิจการ การดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ Active เพิ่มขึ้น เมื่อผนวกกับผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัทลูก รวมถึงการลงทุนในแขนงอื่นๆ TCAP จึงยังคงมีแนวโน้มที่จะมีผลการดำเนินงานที่ดีและสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไปในอนาคต” นายสมเจตน์ กล่าว