บัวหลวงมั่นใจขายกองทุน ‘JASIF’เกลี้ยง
บลจ.บัวหลวง มั่นใจนักลงทุนแห่จองซื้อหน่วยลงทุน “ JASIF” เกลี้ยง เหตุราคาขายต่อหน่วยต่ำ เงินปันผลสูง กองทุนหลายแห่งจองซื้อเกินสิทธิ ยืนยันกรณีผู้ถือหุ้นใหญ่ถูก ก.ล.ต. ลงโทษไร้ผลกระทบ
นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF เปิดเผยว่า มั่นใจว่าการเสนอขายหน่วยลงทุน กองทุน JASIF ที่จะเปิดให้ผู้ถือหน่วยเดิมจองซื้อวันที่ 7-13 พ.ย. จำนวน จำนวน 2,500 ล้านหน่วย จะขายได้หมด
โดยจากการที่ได้ไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์)แก่นักลงทุนสถาบันในประเทศ ได้รับการตอบรับที่ดี มีกองทุนหลายแห่ง แสดงความต้องการที่จะจองซื้อเกินสิทธิ และราคาขายหน่วยอยู่ในระดับที่ต่ำเพียง 9 บาท มี อัตราผลตอบแทนสูง (yield ) สูงถึง 11.5 % (ที่ราคา 9 บาทต่อหน่วย) และ มีการจ่ายเงินปันผลที่ดี ซึ่งภายหลังการเพิ่มทุนคาดปีหน้าจะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น 0.05 บาท ต่อหหน่วย มาอยู่ที่ 1.04 บาทต่อหน่วย
รวมถึงแนวโน้มธุรกิจให้บริการบรอดแบนด์ ในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตได้อีกจำนวนมาก เพราะ ปัจจุบัน มีครัวเรือนที่ใช้บริการอินเตอร์เน็ต มีเพียง 40 % ของจำนวนครัวเรือนในประเทศไทยที่มีจำนวน 26 ล้านครัวเรือน ซึ่งถือว่าต่ำมาก ซึ่งในต่างประเทศ เช่นเวียดนาม มีการใช้อินเตอร์เน็ต ถึง 50 % ไต้หวันที่ 60 %
นอกจากนี้ เทคโนโลยี 5G นั้น จะเข้ามาแทน 4G นั้น ไม่ได้กระทบการใช้งานแต่จะเข้ามาเสริมเพราะ ประชาชนยังต้องการอินเทอร์เน็ตบ้าน โดยคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประมาณวันที่ 22 พ.ย. นี้
‘มั่นใจว่าการเพิ่มทุน ในการขายหน่วยลงทุน JASIF ครั้งนี้ จะขายได้หมด เพราะ ราคาขายหน่วยต่ำ ยิลด์ และปันผล สูง ซึ่งสถาบันให้ความสนใจจองซื้อเกินสิทธิหลายแห่ง ส่วนกรณีที่ ก.ล.ต. มีการลงโทษทางแพ่ง ผู้ถือหุ้นใหญ่ JAS นั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อการขายหน่วย เพราะ กองทุนไปซื้อ สินทรัพย์มา ไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับหุ้น JAS และสาเหตุที่ตั้งราคาขายหน่วยเพิ่มทุนที่ 9 บาท นั้น เพื่อต้องการให้ผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้นเดิม เพราะ การเพิ่มทุนครั้งนี้ดีเลย์มามา 2 ปี หรือแม้หากขายไม่หมด ส่วนที่เหลือ JAS จะเข้ามาซื้อแทน ซึ่ง JAS สามารถเข้ามาถือ ได้ถึง 33 % จากปัจจุบันถือหน่วย JASIF ที่ 19 % ’ นายพรชลิต
สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้ จำนวน 2.25หมื่นล้านบาท และกองทุนJASIF จะกู้เงินจากธนาคารกรุงเทพฯ อีก 1.55 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไป ซื้อทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเส้นใยแก้วนำแสง จำนวน 7 แสน คอร์กิโลเมตร จาก บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB มูลค่าไม่เกิน 38,000 ล้านบาท คาดชำระค่าซื้อฯประมาณ วันที่ 18 พ.ย. 2562
ทั้งนี้ ทำให้กองทุน ฯมีโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่มเป็น 1.68 ล้าน คอร์กิโลเมตร ครอบคลุมการให้บริการในพื้นที่ 928 อำเภอ 77 จังหวัด ทำให้ขนาดกองทุนเพิ่มเป็น 8.5 หมื่นล้านบาท และคาดว่ากำไรในปี2563 จะอยู่ที่ 8,300 ล้านบาท (สมมุติฐานเงินเฟ้อ 1 %) เพราะ มีรายได้เพิ่มขึ้น และ มีค่าใช้จ่ายลดลง รวมถึง กองทุนมีโอกาสที่จะมีการกำไรเพิ่มขึ้นจากประมาณการได้ เพราะ การให้บริการ เส้นใยแก้วนำแสงนั้น สามารถปรับค่าใช้บริการได้ทุกปี ตาม อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งการซื้อสินทรัพย์ครั้งนี้ กองทุนไม่ต้องมีภาระในการซ่อมบำรุง เพราะ TTTBB จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย และจำหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 8,000 ล้านหน่วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขาย
นายพรชลิต กล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนถือหน่วย JASIF ณ วันที่ 15 ต.ค. แบ่งเป็น นักลงทุนสถาบัน 55% แบ่งเป็น JAS 19% สถาบันในประเทศ 22% สถาบันตปท. 14% ส่วนนักลงทุนรายย่อยในประเทศ 44 % และ นักลงทุนรายย่อยต่างประเทศ จำนวน 0.68 %