“ดีเอ็มอาร์ดี เอเชีย” ผู้บริหารการขายโปรเจค “เรดิสัน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช” มั่นใจตลาดท่องเที่ยว-อสังหาฯภูเก็ตยังรุ่ง พร้อมชี้เทรนด์การลงทุน “คอนโดเทล” หรือ โฮเทลเรสซิเดนส์มาแรง ขึ้นแท่นทางออกใหม่การลงทุนอสังหาฯ ปี 63
นายมาร์ซีเอโน เบิร์จโมฮาน กรรมการผู้จัดการ ดีเอ็มอาร์ดี เอเชีย ผู้ดำเนินการตลาดและการขายโครงการ เรดิสัน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช กล่าวว่า ธุรกิจคอนโดเทล (Condotel) หรือโครงการที่อยู่อาศัยที่บริหารงานแบบโรงแรม (Hotel Managed Residence) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวระดับโลก รองรับความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการให้เช่าคอนโดมิเนียมทั้งระยะสั้นและระยะยาวแก่นักท่องเที่ยว ส่งผลต่อการเติบโตของโครงการเรดิสัน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช
“แม้คอนโดเทลไม่ใช่รูปแบบใหม่ของการพัฒนาอสังหาฯ ในประเทศไทย แต่จำนวนคอนโดเทลที่มีอยู่ในไทยยังคงมีจำกัดเมื่อเทียบกับทรัพย์สินประเภทอื่น”
จากข้อมูลของ DMRD พบว่าคอนโดเทลได้รับความนิยมมากขึ้น คาดว่าจะขยายตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยสัญญาณการเติบโตที่สำคัญในภูเก็ตชี้ว่าในช่วงท้ายของปี 2564 จะเห็นโครงการคอนโดเทลเพิ่มขึ้นมากกว่า 3,000 ยูนิตอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หลังจากเปิดตัวโครงการ "เรดิสัน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช" ซึ่งเป็นที่พักอาศัยและโรงแรมเกรดพรีเมี่ยม และได้รับอนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว พบว่าได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่ยังสนใจลงทุนในภูเก็ต และคาดว่าจะมียอดจองเพิ่มขึ้นหลังเปิดตัวเซลแกลเลอรีเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งภูเก็ตยังคงเป็นจุดหมายที่มีศักยภาพสูงและเติบโตต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านธรรมชาติที่สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม รวมถึงเสน่ห์ของท้องถิ่น ที่ถูกรวมเอาไว้บนเกาะภูเก็ต
โครงการเรดิสัน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช เป็นการพัฒนาระหว่าง ไทย-ไชนีส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ และ เอแพลน พร็อบเพอร์ตี้ มูลค่า 1,600 ล้านบาท ตั้งอยู่ริมหาดไม้ขาว บนที่ดิน 4.3 ไร่ หรือ 7,000 ตารางเมตร ใกล้สนามบินนานาชาติภูเก็ต เป็นอาคารโลว์ไรส์ 8 อาคาร ประกอบด้วยห้องพักและห้องสวีท 222 ยูนิต แบ่งเป็น 110 ห้องสำหรับเจ้าของร่วม พร้อมกรรมสิทธิ์ถือครองแบบสมบูรณ์ (Freehold) สำหรับชาวต่างชาติ และได้รับใบอนุญาตเป็นคอนโดมิเนียมเชิงพาณิชย์ ราคาเริ่มต้น 7.2 ล้านบาท กรรมสิทธิ์ถือครองแบบสมบูรณ์อัตราผลตอบแทน 6% ในช่วง 3 ปีแรก ในปีที่ 4 เป็นต้นไป จะได้รับการจัดการรูปแบบส่วนแบ่งรายได้สำหรับผู้ซื้อ คาดการณ์อัตราผลตอบแทนสุทธิ 6% ต่อปี คาดแล้วเสร็จภายในปี 2565