ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โจทย์หินท้าทายเศรษฐกิจ-ธุรกิจ
รอบปีที่ผ่าน นับเป็นเรื่อง "โหด หิน และเหนื่อย" สำหรับภาคธุรกิจ ด้วยจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ในปี 2563 ก็ยังคงรุมเร้าเศรษฐกิจและธุรกิจไทยต่อไป
ส่งท้ายปีเก่า (31 ธ.ค.2562) ต้อนรับปีใหม่ 2563 ในรอบปีที่กำลังผ่านพ้น นับเป็นปีที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญเรื่องหนักๆ อาจนิยามว่าเป็นปีที่ "โหด หิน และเหนื่อย" ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนผ่านดัชนีเศรษฐกิจและธุรกิจต่างๆ ที่เรียงหน้ากันปรับลดเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มูลค่าการส่งออก หรือแม้แต่เป้ายอดขายของภาคธุรกิจต่างๆ ที่ "พลาดเป้า" กันถ้วนหน้า
สถานการณ์ดังกล่าวเป็นผลมาจาก "ปัจจัยหลักๆ" ได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากปัญหา "สงครามการค้า" ระหว่างมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกอันดับ 1 และ 2 ได้แก่ สหรัฐและจีน เข้าตำราช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ ขณะที่ปัจจัยในประเทศไทยยังเผชิญค่าเงินบาทที่แข็งค่าที่สุดรอบ 6 ปี โดยสองปัจจัยดังกล่าว "กดดัน" ภาคการส่งออกไทย ซึ่งเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนจีดีพีมากกว่า 70% เมื่อเศรษฐกิจไทยชะลอตัว ย่อมส่งผลทำให้กำลังซื้อในประเทศชะลอตัวตาม ทำให้เกือบเซ็คเตอร์ธุรกิจประสบปัญหา อาทิ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ ค้าปลีก อุปโภค-บริโภค ท่องเที่ยว การเงิน ฯลฯ
ขณะเดียวกัน "อีกปัจจัยสำคัญ" ที่ปั่นป่วน (Disrupt) ธุรกิจ หนีไม่พ้น "ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี" ที่ทำให้แลนด์สเคปทางธุรกิจเปลี่ยนไปจากเดิม หน้าร้านการค้าสาขาต่างๆ หมดความหมายลงเรื่อยๆ เมื่อถูกแทนที่ด้วยปลายนิ้วคลิกทำธุรกรรมผ่านสมาร์ทโฟนที่เป็นเหมือน "พระเจ้าของคนยุคนี้" ไปแล้ว ทำให้ทุกธุรกิจน้อยใหญ่ต้องดิ้นหาทางรอด (Transform) ไม่เพียงเท่าทันการเปลี่ยนแปลง แต่จำเป็นต้อง “เหนือการเปลี่ยนแปลง” เพื่อทำให้คู่แข่งไล่ตามไม่ทัน
แน่นอนปีใหม่ที่จะถึงนี้ ปัจจัยเหล่านี้จะยังคงเป็นตัวแปรหลักปั่นป่วนเศรษฐกิจและธุรกิจไทยต่อไป เพียงแต่ต้องมาลุ้นว่าจะหนักหน่วงกว่าปีที่กำลังผ่านพ้นหรือไม่ หากสงครามการค้าลดดีกรีร้อนแรงลง ภาพรวมเศรษฐกิจโลกก็น่าจะส่งสัญญาณการเทิร์นอะราวด์ ทว่าหากสถานการณ์ยังคงลุ่มๆ ดอนๆ คาดการณ์ยากเหมือนคนเป็นโรคไบโพลาร์ (อารมณ์สุดโต่ง 2 ขั้ว) ก็ยากจะทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ขณะที่ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า เริ่มเห็นความพยายามของรัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการ "ร่วมใจ" สางปัญหานี้ โดยมองเป็นภาพเดียวกันแล้วว่า "นี่คือปัญหาที่ต้องเร่งแก้" ขณะที่ภาคธุรกิจยังต้องเร่งปรับธุรกิจดิ้นหนีความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ถาโถมหนักขึ้น
โดยภาคธุรกิจในปีหน้าฟ้าใหม่ หลายกูรูมองว่า "ต้องตั้งสติ อยู่ในความไม่ประมาท" ดูทิศทางลมให้ดี ก่อนจะตัดสินใจใดๆ ในเกมธุรกิจ นอกจากนี้ยังต้องเป็นคน "หูไวตาไว" เกาะติดธุรกิจที่เป็น "เทรนด์โลก" เข้าไว้เป็นดี เพราะนั่นคือโอกาสธุรกิจใหม่ ขณะที่ "สูตรสำเร็จ" ในการดำเนินธุรกิจนั้นไม่มีแล้ว เป็นผลจากคลื่นดิจิทัลที่กลืนกินทุกสูตรรอด ผู้ที่ปรับธุรกิจไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที ทุกวินาทีต่างหาก คือผู้รอดในสมรภูมินี้ ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นธุรกิจใหญ่ กลาง เล็ก เพราะอำนาจต่อรองทางธุรกิจได้หมดไปพร้อมการเข้าถึงเทคโนโลยีของผู้คน ไม่แน่ว่าธุรกิจเล็กที่เร็วจะปราบธุรกิจใหญ่ที่ช้า ในปี 2563 ยังมีเรื่องที่ต้องลุ้นอีกมาก! สวัสดีปีใหม่ 2563