ท่องเที่ยวฝ่าเทคโนโลยีดิสรัป ! 'แชริ่งอีโคโนมี' ป่วนธุรกิจ
พลังของคลื่นดิจิทัลรุนแรงเพียงใด นำพาธุรกิจที่หลายคนเคยคิดว่าน่าจะไปได้ไกล กลับต้องสะดุดลงภายในเวลารวดเร็ว สวนทางกับธุรกิจใหม่ที่เริ่มจากคำว่าไม่มีอะไร แต่พอมีเทคโนโลยีเป็นเครื่องยนต์แรงม้าสูง สร้างจังหวะทะยานสู่หนทางและตลาดเกิดใหม่อย่างไม่น่าเชื่อ
ธุรกิจ “ท่องเที่ยว” เองก็ไม่ต่างจากเรือที่กำลังฝ่ากระแสคลื่น “ดิสรัปชั่น” จะไปต่อยังทิศไหน ต้องเข้าใจและพยากรณ์แนวโน้มตลาดอย่างแม่นยำ เรือที่ออกจากฝั่งถึงจะไม่หลงวนจนล่มกลางคัน!
สำหรับธุรกิจท่องเที่ยวที่ถูกคลื่นดิสรัปชั่นถาโถมขณะนี้ แน่นอนว่ามีชื่อของ“บริษัทนำเที่ยว” ติดอยู่ เพราะนับตั้งแต่การถือกำเนิดของธุรกิจสตาร์ทอัพอย่าง“Online Travel Agent” (OTA) หรือเอเย่นต์เจ้าของแพลตฟอร์มจองสินค้าท่องเที่ยวออนไลน์ ได้เข้ามากัดกินส่วนแบ่งตลาดไปจากบริษัทนำเที่ยวแบบดั้งเดิม และเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้หันมาเดินทางด้วยตัวเอง ชนิดไม่ต้องง้อทัวร์กันมากขึ้น
และหนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนขวัญกำลังใจคนทำธุรกิจทัวร์ คือการปิดตำนานบริษัททัวร์เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง“โทมัส คุก”(Thomas Cook) ทั้งในอังกฤษและเยอรมนี หลังจากประกาศล้มละลายไปเมื่อเดือน ก.ย.2562ที่ผ่านมา
แล้วบริษัทนำเที่ยวจะปรับตัวอย่างไรในสถานการณ์ที่โลกเปลี่ยน ในเมื่อโซลูชั่นวันนี้กับวันเก่าไม่เหมือนเดิม !!
โชติช่วง ศูรางกูร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด เล่าว่า บริษัทฯได้ปรับโมเดลธุรกิจให้ทันตลาด ด้วยการรุกขายแพ็คเกจทัวร์แก่ตลาดลูกค้ากลุ่มองค์กรกับกลุ่มจัดประชุมสัมมนา และท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล หลังเห็นคลื่นดิจิทัลซัดสาด วางตำแหน่งให้บริษัทนำเที่ยวในเครือหนุ่มสาวทัวร์เป็นเหมือน “แผนกจัดทัวร์และการเดินทาง” ของลูกค้าองค์กร จนมีสัดส่วน80%ของลูกค้าที่มาใช้บริการทัวร์ทั้งหมด
กลยุทธ์ของหนุ่มสาวทัวร์คือ “LA Model” หรือ Lean & Agile Organization นั่นคือการลดไขมันองค์กรและทำตัวให้ปราดเปรียวว่องไว พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการเจาะลูกค้าในเซ็กเมนต์ใหม่ๆ น่าสนใจ อาทิ กลุ่มผู้สูงอายุ, กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี จากเดิมที่ทำตลาดแต่กับลูกค้าองค์กรใหญ่, กลุ่มนักเรียนนักศึกษา หลังเห็นเทรนด์โรงเรียนเอกชนจัดโปรแกรมทัศนศึกษาต่างแดนมากขึ้น และกลุ่มต้องการประสบการณ์ท่องเที่ยวแปลกใหม่ ขายนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ที่มีกำลังซื้อสวนกระแสเศรษฐกิจ ยินดีจ่ายแพ็คเกจทัวร์ราคาหลักแสนบาทขึ้นไป
นอกเหนือจากบริษัทนำเที่ยวแล้ว ธุรกิจ“โรงแรม”เองก็ไม่อาจหนีพ้นจากคลื่นดิสรัปชั่น เมื่อ“Airbnb” (แอร์บีแอนด์บี) รายงานตัวในธุรกิจสตาร์ทอัพ ขับดันตลาดแพลตฟอร์มจองที่พักระยะสั้น (Short-Term Rental) หรือโฮมแชริ่งให้ขยายอาณาเขตไปทั่วโลก ไม่เว้นไทย เข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดไปจากธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต จนอัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมลดลงมากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่ที่ว่าใครใช้ยุทธวิธีใดรักษาอัตราเข้าพักในสถานการณ์ดีมานด์นักท่องเที่ยวชะลอตัว แน่นอนว่าส่วนใหญ่ใช้การอัดโปรโมชั่นราคาดึงดูดความสนใจ
อย่างไรก็ดี ทาง Airbn bเปิดเผยว่าเมื่อปี2561มีนักท่องเที่ยวจากทั้งไทยและทั่วโลกจองบ้านพักผ่านแพลตฟอร์มฯเพื่อเข้าพักในไทยมากถึง1.9ล้านคน
ด้านเทรนด์ธุรกิจในเซ็กเตอร์ท่องเที่ยว ที่เห็นชัดเจนมาตั้งแต่ปี2561ในไทย คือ“คอนโดเทล” (Condotel) หรือโครงการที่อยู่อาศัยที่บริหารงานแบบโรงแรม (Hotel Managed Residence) เป็นรูปแบบของคอนโดมิเนียมประเภทหนึ่งที่มีการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในไทย แต่นี่คือรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นและกำลังขยายตัวดี เพื่อเจาะตลาดอสังหาฯเพื่อการลงทุน ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ต้องการให้เช่าคอนโดมิเนียมทั้งในระยะสั้นและระยะยาวแก่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในจุดหมาย “ภูเก็ต” เมืองท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งเห็นสัญญาณการเติบโตว่าจะเห็นโครงการคอนโดเทลเพิ่มขึ้นมากกว่า3,000ยูนิตภายในสิ้นปี2564นอกจากภูเก็ต ก็ยังมีพัทยาและกรุงเทพฯที่มีโอกาสเติบโต
การพัฒนาคอนโดเทลจึงเป็นทางรอดของผู้ประกอบการอสังหาฯในภาวะตลาดคอนโดมิเนียมเพื่อการอยู่อาศัยมีกำลังซื้อน้อยลง ซัพพลายล้นตลาด ผลตอบแทนต่ำ คอนโดเทลที่การันตีผลตอบแทนต่อปีในอัตราที่น่าสนใจจึงเป็นเทรนด์การพัฒนาโปรดักต์ห้องพักเมืองท่องเที่ยวหลักของไทยขณะนี้!