‘คาซ่าลาแปง’ปั้นแรบบิทวอล์ค หนีเรดโอเชี่ยน-สู้โควิด19ฉุดลูกค้าวูบ

เอกชัย สุขุมวิทยา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนธุรกิจ บริษัท บีนส์แอนด์บราวน์ จำกัด (Beans and Brown) เป็นบริษัทในเครือของกลุ่มเจมาร์ทที่ถือหุ้นในสัดส่วน 70% เพื่อสนับสนุนการเติบโตในช่องทางค้าปลีกและไลฟ์สไตล์ โดยประกอบธุรกิจร้านอาหารและร้านกาแฟ แบรนด์ คาซ่า ลาแปง (Casa Lapin) และ แร็ป คอฟฟี่ (Rabb Coffee)

ภายใต้ “วิกฤติ” มี “โอกาส” อยู่เสมอ ยังใช้ได้ดี!

จากโจทย์ตั้งวิกฤตการณ์โควิด รวมทั้งแนวคิดในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการด้าน “เวลา” ยิ่งในยุค "Lazy Economy" จากที่ใช้บริการขนส่งตรงถึงบ้าน หรือ ดีลิเวอรี่ระยะไกล เริ่มขยับมาสู่ระยะใกล้ ภายในอาคาร! เป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง

ประกอบกับความเป็นตลาดเรดโอเชี่ยนของสาขาหลัก อย่าง คาซ่า ลาแปง เซ็นทรัลเวิลด์ ที่มีร้านกาแฟร่วม 30-40 ร้าน แน่นอนว่า ทั้ง “คู่แข่ง” ที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ลูกค้าหดตัวลงในเวลานี้

...ทำอย่างไรให้ลูกค้าสามารถสั่งและ “ส่งกาแฟ” ได้ถูกที่ ถูกเวลา เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย

เป็นที่มาของแผนฉุกเฉิน! ซึ่งปิ๊งไอเดียและใช้เวลาพัฒนาเร่งด่วนเพียง 1 เดือน แจ้งเกิดแพลตฟอร์มกาแฟดีลิเวอรี่ แรบบิท วอล์ค (Rabbit Walk) พร้อมเสิร์ฟถึงที่เพียงปลายนิ้วคลิก! ซึ่งเป็นการพัฒนาแอพพลิเคชั่นภายใต้ความร่วมมือ "เจ เวนเจอร์ส" ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยลูกค้าสามารถสแกนคิวอาร์โค้ด หรือกดลิงค์สำหรับสั่งซื้อได้ที่ช่องทาง munchapay.co/casalapin

แรบบิท วอล์ค เซ็นทรัลเวิลด์เป็นไพลอตโปรเจค เบื้องต้นคาดยอดขาย 50-100 แก้วต่อวัน ก่อนจะถูกขยายไปในเครือข่ายร้านคาซ่า ลาแปง 8 สาขา ที่มีศักยภาพอยู่ในย่านสำนักงานไพร์มแอเรีย เช่น เซ็นทรัลบางนา สุขุมวิท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายจากดีลิเวอรี่เป็นสัดส่วน 20% ของยอดขายทั่้งหมด ในอนาคตอาจขยับได้ถึง 40% หรือมากกว่านี้ก็เป็นได้

"ปีนี้ จะเป็นปีแห่งการปักหมุดรุกธุรกิจออนไลน์มากขึ้น เริ่มจากนำบริการเดลิเวอรี่เข้ามาตอบโจทย์คนรักกาแฟให้เข้าถึงง่ายและรับมือสถานการณ์โควิด-19 ที่ผู้คนเลี่ยงพื้นที่สาธารณะ ในไตรมาส 2 เตรียมเปิดตัวแอพพลิเคชั่นอย่างเป็นทางการสร้างฐานข้อมูล (บิ๊กดาต้า) อย่างจริงจังเพื่อต่อยอดทำซีอาร์เอ็มและลอยัลตี้โปรแกรม"

เติมพงศ์ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีนส์แอนด์บราวน์ จำกัด กล่าวว่า การผนึกกำลังภายใต้ความแข็งแกร่งของกลุ่มเจมาร์ทจะทำให้บีนส์แอนด์บราวน์ สามารถ “ต่อยอด” ธุรกิจร้านอาหารและกาแฟได้อย่างแตกต่าง เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขายตอบโจทย์คนยุคใหม่

"การอยู่ในทำเลที่ดีถือเป็นอีกยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างความได้เปรียบให้ คาซ่า ลาแปง ในการขยายฐานลูกค้าใหม่ จากการต่อยอดผ่านแพลตฟอร์มใหม่บนโลกออนไลน์ และบริการดีลิเวอรี่ซึ่งเป็นที่นิยมและเติบโตสูงต่อเนื่อง" 

ปัจจุบัน บริษัทมีร้านภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 18 สาขา เป็น คาซ่า ลาแปง ในรูปแบบโมเดลร้านขนาดเล็ก ไปจนถึงใหญ่ รวม 16 สาขา และ แร็ป คอฟฟี่ (Rabb Coffee) 2 สาขา วางแผนขยายสาขาคาซ่า ลาแปง ปีนี้ 6 สาขา โดยจะมีโมเดลใหม่ “เอ็กซ์เพรส” ขนาด 15-25 ตร.ม. เปิดบริการอย่างน้อย 3 สาขา ประเดิม เมกาบางนา แห่งแรก 

"ธุรกิจกาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมแพร่หลายสำหรับการบริโภคในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ปริมาณความต้องการกาแฟในแต่ละวันมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่ามีร้านขายกาแฟน้องใหม่เกิดขึ้นจำนวนมากขึ้น คาซ่า ลาแปง มุ่งเสิร์ฟกาแฟรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ เป็นจุดแข็งที่แตกต่าง"

สำหรับ อุตสาหกรรมกาแฟไทยมีมูลค่ารวมกว่า 26,000 ล้านบาท ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว เนื่องจากปริมาณการบริโภคต่อคนของชาวไทยยังคงต่ำกว่าต่างประเทศ ยังคงสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แบรนด์กาแฟต่างๆ รวมทั้ง คาซ่า ลาแปง ได้อีกมาก 

อ่านข่าว-'โควิด-19'กระตุ้น 'เอไอ' เกิดเร็ว