TMB

TMB

TMB ยกเลิกสัญญา Bancassurance กับ FWD และเปลี่ยนเป็น Prudential

Event

หลังจากที่ TMB ซื้อกิจการ Thanachart Bank (Tbank) แล้ว TMB ก็ได้ปรับข้อตกลงการเป็นพันธมิตร สำหรับธุรกรรม bancassuranc กับ FWD และ Prudential ซี่งเป็นพันธมิตรกับธนาคารธนชาติ เพื่อลดความซ้ำซ้อน โดย TMB ได้ยกเลิกสัญญา bancassurance กับ FWD และต่อสัญญากับPrudential แทน

lmpact

TMB ยกเลิกสัญญา Bancassurance กับ FWD และเปลี่ยนเป็น Prudential แทน

ตามเงื่อนไขของสัญญาฉบับปัจจุบันระหว่าง TMB และ FWD ซึ่งมีระยะเวลา 15 ปี ได้ทำให้ TMB บันทึกรายได้ bancassurance แบบต่อเนื่องประมาณ 330 ล้านบาทต่อไตรมาสจนถึงปี 2573 ในขณะที่ Tbank ซึ่งจับมือเป็นพันธมิตรกับ Prudential จะบันทึกรายได้ bancassurance ประมาณไตรมาสละ 200-300 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาเช่นกัน แต่เมื่อ TMB ได้เข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ Tbank และ FWD ได้ซื้อบริษัทประกันชีวิตจาก SCB ไปแล้ว ทำให้สัญญา bancssurance ถูกรือใหม่ทั้งหมด

TMB จะบันทึกกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว 1.3 พันล้านบาทจากการปรับสัญญา bancassuance

ภายใต้สัญญาใหม่ Prudential จึงตกลงที่จะซื้อสิทธ์ิในการขายผลิตภัณฑ์ประกันผ่าน TMB จาก FWD และจะมีการปรับข้อตกลง bancassurance โดยเป็นการขยายสัญญาอีก 5 ปี ซึ่งจะหมดอายุปี 2578 (เดิมหมดปี 2573) โดยการเปลี่ยนสัญญาดังกล่าว จะทำให้ TMB มีกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว 1.3 พันล้านบาทในปี 2563 แต่อย่างไรก็ตาม Tbank จะไม่บันทึกรายได้ค่าธรรมเนียมอีก TMB ทั้งนี้ปัจจุบันยังเป็นธนาคารที่ดำเนินงานแยกกันแบบ 2 ระบบ และจะรวมเป็นธนาคารระบบเดียวในปี 2564 ซึ่งทำให้ก่อนที่ TMB และ Tbank จะควบรวมกันเสร็จเรียบร้อยเป็น 1 ธนาคาร จะทำให้ TMB จะยังคงขาย
ประกันของ FWD และรับรู้รายได้จาก bancassurance จากการขายผลิตจภัณฑ์ของ FWD ต่อไปก่อนซึ่งจะสิ้นสุดธ.ค.2563 และหลังจากนั้นธนาคารใหม่จะบันทึกรายได้ Bancassurance รวมประมาณ 330 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยกว่าแบงก์แอสชัวรัน ที่ทั้งธนาคารได้รับหากการดำเนินงาน แยกกัน

Valuation & Action

การดำเนินงานของ TMB ยังคงถูกกดดันจากประเด็นคุณภาพสินทรัพย์ และต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการเตรียมควบรวมกับ Tbank ในขณะที่ผลการดำเนินงานของ Tbank ก็ถูกกดดันจากคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลงของสินเชื่อเช่าซื้อเนื่องจากธนาคารปล่อยกู้แบบ captive lending ให้กับแบรนด์
Chevoret ดังนั้น แม้ว่าราคาหุ้นจะไม่แพง แต่เราก็ยังไม่เห็นสัญญาณว่าจะมีปัจจัยกระตุ้นด้านบวกในระยะสั้น