แม็คกรุ๊ปรับมือโควิด 'คุมเข้มต้นทุน- รุกออนไลน์'
แม็คกรุ๊ป” ปรับกลยุทธ์รับมือผลกระทบโควิด-19 หลังปิดร้าน 230 แห่ง หันรุกหนัก “ออนไลน์” ส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำทั่วประเทศ เดินหน้าเปิดไลน์ผลิต “หน้ากาก-หมวกป้องกันเชื้อโรค” หวังช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลน
เบื้องต้น บริษัทได้ปรับกลยุทธ์รับมือกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยมุ่งควบคุมต้นทุนและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น พร้อมเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง รวมทั้งเพิ่มช่องทางการขายสินค้าผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ จัดโปรโมชั่นพิเศษผ่านทั้งเฟซบุ๊กเพจ แม็คยีนส์ และ “McShop.com” ที่มีผู้ติดตามรวมกว่า 9 แสนฟอลโลเวอร์ส
“แม็คยีนส์ ผลักดันพนักงานขายหน้าร้านให้เป็นนักขายออนไลน์ สนับสนุนข้อมูลและเทคนิคที่ช่วยตอบโจทย์การชอปปิงออนไลน์ของลูกค้า พร้อมทำโปรแกรม Friend Gets Friend เพิ่มเครือข่ายในกลุ่มพนักงาน เพื่อผลักดันยอดขายอีกทาง”
ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ แคมเปญส่งเสริมการขายยังเป็นเครื่องมือสนับสนุนลูกค้าได้เป็นอย่างดี ล่าสุดได้จัดโปรโมชั่นพิเศษมอบประกันภัยโควิด-19ให้ลูกค้า รวมถึงการจัดส่งสินค้าฟรีทั่วประเทศโดยไม่มีขั้นต่ำ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย เชื่อว่าด้วยระบบซัพพลายเชนที่เข้มแข็ง มีคลังสินค้า และระบบจัดส่งของตัวเอง จะทำให้สามารถควบคุมคุณภาพการจัดการสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ แม็คยีนส์ ยังได้เปิดสายการผลิตหน้ากากผ้าและหมวกป้องกันเชื้อโรค เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ รวมทั้งเจรจากับพันธมิตรต่างๆ เพื่อเพิ่มจุดขาย อาทิ การขายผ่านรายการในดิจิทัลทีวี เป็นต้น
สำหรับพนักงาน บริษัทได้จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ให้กับพนักงานกว่า 2,500 คน ทั้งพนักงานออฟฟิศ พนักงานขาย และพนักงานโรงงาน รวมทั้งใช้นโยบายการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. เป็นต้นไป โดยจัดเตรียมระบบไอทีซัพพอร์ตเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด
“45 ปีที่ผ่านมา บริษัทผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งเราก็รับมือและพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เราเชื่อมั่นว่า เราจะสามารถก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้”
นางชนัญญารักษ์ กล่าวว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเป็นการชั่วคราว แม้ส่งผลกระทบต่อยอดขายบ้างในขณะนี้ แต่มั่นใจว่า ความต้องการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค จะพลิกกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว หลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง ซึ่งจะช่วยชดเชยการชะลอตัวลงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้