‘บลจ.ทาลิส’มองหุ้นไทย2ปีฟื้น แนะเข้าลงทุน‘SSFX’ปลายมิ.ย.
ในภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 แม้อาจทำให้ผู้ลงทุนเกิดอาการ “จิตตก” ไปบ้างก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วการแพร่ระบาดของโรค เป็นแค่”วิกฤติชั่วคราว”
เมื่อผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะกลับมามีผลประกอบการดีขึ้นหรือเข้าสู่ภาวะปกติ ก็จะสะท้อนไปยัง “ราคาหุ้นและดัชนีตลาด”ที่ปรับตัวสอดรับกับทิศทางต่างๆ ที่จะปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย
ดังนั้นการลงทุนระยะยาว ผ่านกองทุนรวมเพื่อการออมแบบพิเศษ หรือ “SSFX” จึงยังเป็นโอกาสในวิกฤติรอบนี้
“ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด มองว่า ในอดีตเมื่อเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่อย่างวิกฤติต้มยำกุ้ง หรือ วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเป็นจุดต่ำสุด แต่หลังจากผ่านพ้นวิกฤติไปเพียง5ปี ตลาดปรับตัวขึ้นมาได้เกิน 100% และยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึงราว15%ต่อปี
ขณะเดียวกัน ประเมินว่า วิกฤติครั้งนี้จะเกิดภายในปี2563 โดยที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปีนี้น่าจะติดลบราว 5 -10% และภายใน2ปีข้างหน้าน่าจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้ โดยในปี2564 ค่อยฟื้นตัวจนปรับตัวดีขึ้นในปี2565 คาดว่าในปี2565 ทั้งจีดีพี กำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.)และดัชนีตลาดฯ จะกลับมาเท่ากับปี2562 โดยที่ดัชนีตลาดฯปี2565 มีโอกาสกลับมาแตะที่ระดับ1,600-1,700 จุด จากในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1,100 จุด
“วิกฤติรอบนี้ ทรัพย์สินของบริษัทไม่ได้ด้อยค่า หนี้สินของบริษัทไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล มีเฉพาะฝั่งรายได้ที่ลดลงจากกิจกรรมทางธุรกิจที่ลดลง ทำให้กำไรที่มีอยู่ลดลง ไม่เติบโต หรือติดลบ เช่น ภาวะขาดทุนในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งสายการบิน โรงแรม แต่มองว่ารายได้ที่ลดลง ทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทน้อยกว่า และจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าคราววิกฤติปี2540 ที่มูลค่าสินทรัพย์ด้อยค่าลงมหาศาล”
"ประภาส” แนะนำผู้ลงทุนด้วยหลักคิดง่ายๆ ว่า ลงทุนวันนี้เพื่ออีก2ปีข้างหน้า อดทนรอและมองการลงทุนระยะยาว คาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นไทยไม่ต้องถึง10ปี น่าจะปรับตัวสูงทีเดียว
สำหรับผู้ลงทุนที่เช็คสุขภาพทางการเงินแล้ว พบว่าสามารถรับ“ความเสี่ยงสูง”ได้ และมีสภาพคล่องเพียงพอในภาวะเช่นนี้ สามารถเงินออมได้ถึง10ปี สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวม “SSFX”ได้ ซึ่งสร้างเงินออมระยะยาวแถมช่วยประหยัดภาษีถึง 200,000 บาทได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในภาวะตลาดหุ้นไทยผันผวนตลอดทั้งเดือนมี.ค.ที่ผ่านมานี้ ผู้ลงทุนคงต้อง “เตรียมใจ”ว่าภาวะเช่นนี้จะยังคงอยู่กับเราในเดือนเม.ย.นี้ด้วย
ทั้งนี้ ประเมินว่า บรรยากาศการลงทุนเช่นนี้ ผู้ลงทุนอาจไม่จำเป็นต้องเร่งรีบเข้าลงทุนกองทุน SSFX เหมือนกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ LTF แต่อาจจะไปเร่งเข้าลงทุนในใกล้ช่วงปิดขาย30มิ.ย.นี้เพื่อประหยัดภาษี
ขณะเดียวกัน กองทุนรวม “ SSFX” สามารถเป็นตัวช่วยในเรื่อง Sentiment การลงทุนขณะนี้ได้ ส่วนเม็ดเงินจะไหลเข้ามามากน้อยแค่ไหนยังต้องรอติดตาม ถ้าเข้ามามากกว่าช่วยได้มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย และจนถึงปลายปีนี้ ก็ยังมีกองทุนรวม SSF แบบปกติที่มีการลงทุนที่หลากหลายมากกว่า
สำหรับ บลจ.ทาลิส คงจะพิจารณาออกกองทุนรวม SSF ทั้งสองรูปแบบ แต่มูลค่ากองทุนคงไม่ใหญ่มากนัก ขณะนี้อยู่ระหว่างรอประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจและการลงทุนว่าจะยืดเยื้อไปถึงจุดไหน และควรออกกองทุนช่วงเวลาไหนถึงจะเหมาะสมที่สุด