‘แสนสิริ’ ขึ้นแท่นผู้นำอสังหาฯ นิวไฮไตรมาส 1
"แสนสิริ" เดินกลยุทธ์ติดสปีดธุรกิจรับมือโควิด เร่งโอน กำเงินสด ดันยอดขายไตรมาสแรก 1.1 หมื่นล้าน ขึ้นแท่นผู้นำอสังหาฯ ลุยต่อไตรมาส2 ผสานทุกช่องทางขาย เรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ปรับเป้ายอดขายไตรมาส 2 เพิ่มเป็น1หมื่นล้าน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด-19" ตั้งแต่ปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อยอดขายอสังหาริมทรัพย์ ซ้ำเติมตลาดอสังหาฯที่ไม่สู้ดีมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
ข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประเมินว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ปี 2563 จะติดลบ 11.1-16.7% จากสต็อกที่อยู่อาศัยในภาพรวมที่มีมากกว่า 3 แสนหน่วย ขณะที่อัตราขายต่ำสุดในรอบ 10 ปี
ทว่า ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ยังมีนักพัฒนาอสังหาฯ ที่ฝ่าวิกฤติยอดขายในไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) มาได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ดันยอดขายไตรมาสแรกได้สูงสุด จนขึ้นแท่นเบอร์ 1 ในตลาดอสังหาฯในขณะนี้
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อเห็นสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงต้นปี ทำให้เร่งเตรียมแผนธุรกิจรับมือ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำงาน การลดค่าใช้จ่าย การให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ในการสร้างความรวดเร็ว (Speed to market) ในหลายส่วนไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงลูกค้า การโอนกรรมสิทธิ์ การขาย กิจกรรมทางด้านการตลาด เพื่อให้กระแสเงินสด เข้ามาให้เร็ว และมากที่สุด
- ดันยอดขาย 1.1 หมื่นล้าน ไตรมาส 1
จากแนวทางดังกล่าว เป็นผลทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายไตรมาสแรกปี 2563 ได้ถึง 11,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายสูงสุดในธุรกิจอสังหาฯขณะนี้ แบ่งเป็นการขายคอนโดมิเนียม 56% และแนวราบ 44% ถือเป็นการสร้างยอดขายได้ถึง 40% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่วางไว้ 29,000ล้านบาท และยังเป็นยอดขายที่เติบโตขึ้นเกือบ 70%จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
"ยอดขายที่เพิ่มขึ้น เกิดจากการตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย รวมถึงการนำเสนอแคมเปญที่ตรงจุด อาทิ แคมเปญแสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน ที่พัฒนามาจากความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคว่ากำลังเกิดปัญหาหรือความต้องการแบบไหน" นายอุทัย กล่าวและว่า
การระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำงานอยู่บ้าน เว้นระยะห่างทางสังคม ยิ่งทำให้บริษัทเตรียมความพร้อมรองรับความต้องการของลูกค้า ทั้งราคาที่ดี ดีลที่ดี โปรโมชั่นพิเศษ รวมถึงข้อเสนอและอัตราดอกเบี้ยพิเศษ
- ลุยผสานทุกช่องทางขาย
ในส่วนช่องทางขายได้ผสานทุก ๆ ช่องทางเข้าด้วยกันผ่านหลายช่องทาง (Multi-Channel) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในช่วงนี้ให้สามารถซื้อและเยี่ยมชมโครงการ จาก 6 ทางทาง ได้แก่ 1.เวอร์ชวล เซลล์ แกลลอรี่ เพื่อเยี่ยมชมโครงการเสมือนจริงบน เว็บไซต์ และไลน์แสนสิริ 2. ไลน์ออฟฟิเชี่ยลแอคเคานต์ 3. เฟซบุ๊กแสนสิริ 4. เยี่ยมชมโครงการแบบทัวร์ส่วนตัว 5.สามารถเลือกซื้อโครงการผ่านช่องทางออนไลน์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง และ 6. ผ่านศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า โทร 1685
- เร่งดันยอดขายไตรมาส2
นายอุทัย ยังกล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสสองว่า ได้เตรียมโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมเข้าอยู่ในทุกรูปแบบ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม มิกซ์โปรดักส์ และคอนโดมิเนียม ที่ครอบคลุมในทุกระดับราคา เริ่มต้นตั้งแต่ 990,000 บาท ออกมารองรับรวมทั้งแคมเปญส่งเสริมการขายที่จะช่วยกระตุ้นตลาดและตอบรับกลุ่มลูกค้าได้ดีเช่นเดียวกับไตรมาสแรก โดยจะมีโครงการพร้อมอยู่อีก 10 โครงการ ใน 10 ทำเลเด่นให้เลือก
"2 สัปดาห์แรกในไตรมาสสอง บริษัทสามารถปิดการขายลักชัวรีโฮมออฟฟิศ 'ไทเกอร์ เลน' ใจกลางย่านเสือป่า ที่เปิดขายพร้อมเข้าอยู่ในราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาทจำนวน 11 ยูนิตในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าว สะท้อนให้เห็นดีมานด์ที่อยู่อาศัยระดับบนที่ยังมีต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถปิดการขายโครงการ 'เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ' หนึ่งในคอนโดเอ็กซ์คลูซีฟจำนวน 127ยูนิต ย่านทองหล่อ โดยปัจจุบันโครงการมียอดขาย 95% คาดว่าจะปิดการขายโครงการได้เร็วๆ นี้"
- เพิ่มเป้ายอดขายไตรมาส 2 เป็น "หมื่นล้าน"
นายอุทัย ยังระบุว่า จากแนวโน้มผลการดำเนินการดังกล่าว จึงได้พิจารณาปรับเป้าหมายยอดขายไตรมาส 2 จากเดิมที่ตั้งไว้ 8,500 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาท เนื่องจากมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายใหม่ที่วางไว้
นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้นำเสนอขายหุ้นกู้มูลค่า 4,000 ล้านบาทส่งผลให้มีบริษัทสภาพคล่องสูงขึ้น สามารถนำเงินทุนที่ได้มาพัฒนาโครงการและขยายการลงทุนได้อย่างเต็มที่ จึงสร้างความความเชื่อมั่นของนักลงทุน และความแข็งแกร่งของแบรนด์ และกระแสเงินสดที่ดี โดยบริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน(Backlog)มูลค่า49,100 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นยอดขายในปีนี้และรองรับการเติบโตระยะยาวใน 4 ปี
- ยกระดับดูแลลูกค้ารับ "นิวนอร์มอล"
นายอุทัย กล่าวว่า หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย พฤติกรรมของลูกค้าจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมเกิดเป็น New Normal หรือ ความปกติใหม่ จึงได้ยกระดับมาตรการต่างๆในการดูแลลูกค้าในอนาคตทุกมิติ รวมถึงการเตรียมพร้อมรองรับกับดีมานด์ของลูกค้าจีนรวมถึงลูกค้าต่างชาติที่จะกลับเข้ามาซื้ออสังหาฯในไทย อาทิ อเมริกา อังกฤษ ยุโรป ที่ต้องการมีบ้านในประเทศไทยสำรองไว้อยู่อาศัยยามเกิดเหตุการณ์ไม่ปลอดภัยใน 12-18 เดือนข้างหน้า
"ช่วงเวลานี้เราต้องทำให้องค์กรแข็งแรง ยืนยันว่าแสนสิริไม่ได้ลดเงินเดือนหรือปลดพนักงานจากพิษเศรษฐกิจเหมือนหลายๆที่ เพราะเรายังมียอดขายต่อเนื่อง แคชโฟลว์ดี ซึ่งสิ่งนี้ก็ถือเป็นการลดปัญหาเศรษฐกิจอีกรูปแบบด้วย ที่เราไม่เพิ่มจำนวนคนว่างงานสู่ระบบเศรษฐกิจ"