JMARTไฟเขียวสถาบันการเงินเกาหลีใต้ ถือหุ้น"เจฟินเทค"50%

JMARTไฟเขียวสถาบันการเงินเกาหลีใต้ ถือหุ้น"เจฟินเทค"50%

JMART อนุมัติสถาบันการเงินเกาหลีใต้" KB Kookmin" ซื้อหุ้นเพิ่มทุน"เจฟินเทค" 55.63 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 11.68 บาทต่อหุ้น คาดทำธุรกรรมเสร็จมิ.ย.นี้ หวังกนำเทคโนโลยีทางการเงินของ KB เข้ามาเพื่อเสริมสร้างธุรกิจของกลุ่มบริษัทในระยะยาว

บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ว่า คณะกรรมการ(บอร์ด)บริษัทมีมติอนุมัติการการร่วมทุนในบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด (บริษัทย่อย) กับ KB Kookmin Card Co., Ltd. (KB) เป็นบริษัทย่อยของ KB Financial Group ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินชั้นนำในประเทศเกาหลีใต้ โดยอนุมัติให้บริษัทเข้าลงนามในสัญญาหลักเกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรรม (Master Transaction Agreement) และ สัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น (Shareholders Agreement) และให้บริษัทย่อยดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากจำนวน 556,536,900บาท เป็น 1,112,851,210 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 53,360,768 หุ้น ซึ่งมีสิทธิออกเสียงจำนวนหุ้นละ 1เสียง และออกหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุนจำนวน 2,270,663 หุ้น มีสิทธิออกเสียงจำนวนหุ้นละ 2 เสียง มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10บาท เพื่อออกและเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (ทั้งหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ) ที่ราคาหุ้นละ 11.68บาท

ทั้งนี้บริษัทจะสละสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวตามสัดส่วนการถือหุ้น สำหรับหุ้นสามัญเพิ่มทุนในบริษัทย่อย จำนวน 48,112,168 หุ้น และหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุนในบริษัทย่อย จำนวน 2,047,319 หุ้น รวมเป็นจำนวน 50,159,487 หุ้นเพื่อให้กับ KB สามารถเข้าจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดจำนวนรวม 55,631,431 หุ้น ซึ่งเท่ากับร้อยละ 49.99ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด มูลค่ารวม 649.77 ล้านบาท ซึ่งมีสิทธิออกเสียงเท่ากับร้อยละ50.99 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมด โดยภายหลังจากการเข้าทำรายการธุรกรรมการเข้าร่วมลงทุนดังกล่าว บริษัทจะเหลือถือหุ้นบริษัทย่อยสัดส่วน45.09% คิดเป็นสิทธิออกเสียง44.19% จะทำให้บริษัทย่อยไม่มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทอีกต่อไป


ภายหลังจากวันที่ KB ได้เข้าจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนแล้วเสร็จ ( Closing Date) ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน มิถุนายน 2563 หลังจากที่คู่สัญญาทุกฝ่ายปฎิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนแล้วเสร็จ โดยKB และบริษัทย่อยจะดำเนินการการหาสินเชื่อจากสถาบันการเงิน หรือผู้ให้สินเชื่อรายอื่นเพื่อนำมาทดแทนสัญญากู้ยืมเงินจากผู้ถือหุ้นในปัจจุบัน รวม3,012.5 ล้านบาท แบ่งเป็น JMART จำนวน 2,717.5 ล้านบาท และJMT 295 ล้านบาท แต่หากKBและบริษัทย่อยไม่สามารถหาผู้ให้สินเชื่อรายอื่นมาทดแทนได้ภายในระยะเวลาที่ตกลงกัน KB บริษัท และ JMT จะต้องให้สินเชื่อแก่บริษัทย่อย ตามสัดส่วนการถือหุ้นของตนเองในบริษัทย่อย ภายใน 6 เดือนนับแต่วันClosing Date ดังกล่าว


สำหรับมูลค่ารวมของผลตอบแทน จากที่บริษัทสละสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทย่อยจำนวน 50,159,487หุ้น ซึ่งมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งเสนอขายในราคาหุ้นละ 11.68 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 586.1 ล้านบาท และบริษัทจะได้รับเงินกู้ยืมคืนจากบริษัทย่อย ตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันในสัญญา Master Term Agreement มูลค่ารวม ณ สิ้นปี 2562เท่ากับ 2,717.5 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,303.6 ล้านบาท


ทั้งนี้ KB ประกอบธุรกิจให้บริการบัตรเครดิต บริการทางการเงิน สินเชื่อ ลิสซิ่ง และบริการที่เกี่ยวข้อง สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับครั้งนี้คือ การนำเอาความรู้ และเทคโนโลยีทางการเงินของ KB เข้ามาเพื่อเสริมสร้างธุรกิจของกลุ่มบริษัทในระยะยาว จากการมีพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจการเงิน บริษัทจะสามารถลดความเสี่ยงทางด้านการเงินในการดำเนินธุรกิจอนาคตาจากการที่จะได้รับชำระคืนเงินกู้ยืมจากบริษัทย่อย และบริษัทจะได้ทำ Synergy ร่วมกับบริษัทการเงินระดับโลก ในการดำเนินธุรกิจการเงินในประเทศไทย ซึ่งยังคงมีศักยภาพในการทำธุรกิจ ขณะที่บริษัทย่อยจะนำเงินที่ได้จาการเพิ่มทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

นอกจากนี้บอร์ดอนุมัติแก้ไขรายละเอียดของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ครั้งที่ 3 (“JMART-W3”) และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 4 (“JMARTW4”) ที่จะนำสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ดังนี้ 1) แก้ไขกำหนดราคาใช้สิทธิ (Exercise Price) จากเดิมกำหนดไว้ที่ 14 บาท/หุ้น สำหรับ JMART-W3 และ 18 บาท/หุ้น สำหรับ JMART-W4 แก้ไขเป็นกำหนดราคาใช้สิทธิ (Exercise Price) ที่ 11 บาท/หุ้น สำหรับ JMART-W3และ 15 บาท/หุ้น สำหรับ JMART-W4 แก้ไขวันกำหนดการใช้สิทธิครั้งแรกจากเดิมกำหนดให้ตรงกับวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม หรือของเดือน มิถุนายน หรือเดือนกันยายน หรือเดือนธันวาคม ภายหลังจากวันออกใบสำคัญแสดงสิทธิ แก้ไขเป็นวันกำหนดการใช้สิทธิครั้งแรก กำหนดให้ตรงกับวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน 2563