CHG - ซื้อ
ประมาณการ 1Q63: แข็งแกร่งกว่ากลุ่ม
Event
ประมาณการ 1Q63
lmpact
คาดว่ากำไรสุทธิใน 1Q63 จะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ CHG ใน 1Q63 จะอยู่ที่ 183 ล้านบาท (+2.3% YoY, +36.6% QoQ) คิดเป็น 21%ของประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 872 ล้านบาท โดยประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ ได้แก่
i) กำไรที่ดีขึ้นเล็กน้อย YoY จะเป็นเพราะรายได้เพิ่มขึ้น 7% YoY เป็น 1.31 พันล้านบาท โดยคาดว่า รายได้จากประกันสังคม (SSO) จะเพิ่มขึ้น 10.3% YoY และรายได้จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (NHSO) จะเพิ่มขึ้น 24.8% YoY ในขณะที่ คาดว่ารายได้จากผู้ป่วยที่ชำระเงินสดจะเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 3.5% YoY เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงมาอยู่ที่ 29.7% จาก 30.5% ใน 1Q62 เนื่องจากรายได้จากผู้ป่วยที่ชำระเงินสดเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงจากความกังวลเรื่องการระบาดของ COVID-19
ii) กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง QoQ จะมาจาก i) รายได้จาก SSO เพิ่มขึ้น และ ii) ไม่ถูกกระทบจาก HCC หลังจากที่ CHG ได้รับผลกระทบด้านลบจากการรักษาพยาบาล HCC แก่ผู้ป่วยประกันสังคม 38 ล้านบาทใน 4Q62 เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 29.7% ใน 1Q63 จาก 26.6% ใน 4Q62 เมื่ออิงจากประมาณการ 1Q63 เราคาดว่าโครงสร้างรายได้ของ CHG ใน 1Q63 จะแบ่งเป็นผู้ป่วยที่ชำระเงินสด 60% SSO 33% และ NHSO 7% ของรายได้ทั้งหมดจากธุรกิจโรงพยาบาล
โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 และ RPC มีแนวโน้มดีขึ้น
เราคิดว่า CHG จะเดินหน้าสร้างการเติบโตให้กับโรงพยาบาลในเครือ 11 แห่งต่อเนื่องปีนี้ โดยการเติบโตจะมาจาก i) การรับรู้แบรนด์ที่แข็งแกร่งในภาคตะวันออกของไทย ii) synergy ของโรงพยาบาลในเครือ iii) มีการปรับปรุงโรงพยาบาลที่เพิ่งขยายกิจการใหม่ และ iv) อานิสงส์จากการที่ SSO ปรับขึ้นค่า
รักษาพยาบาล นอกจากนี้ โรงพยาบาลใหม่สองแห่งของ CHG (จุฬารัตน์ 304 & รวมแพทย์ ฉะเชิงเทรา) ซึ่งสร้างรายได้ในกับ CHG 7.3% ของรายได้รวมก็มีแนวโน้มจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในอีกสองสามปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ถ้าสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ลากยาวไปถึง 2H63 ก็จะทำให้ต้องใช้เวลานาน
ขึ้นกว่าจะถึงจุดคุ้มทุน จากที่บริษัทตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 1H63
คงประมาณการกำไรเอาไว้เท่าเดิม
เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิของ CHG ในปี 2563 เอาไว้ที่ 872 ล้านบาท (+23.7% YoY) และปี 2564ไว้ที่ 938 ล้านบาท (+7.6% YoY)
Valuation & Action
เรายังชอบ CHG จากอานิสงส์การปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลของ SSO ปีนี้ อีกทั้ง CHG ยังดูมีแนวโน้มสดใสมากกว่าหุ้นอื่นในกลุ่มเพราะมีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่ วยต่างชาติต่ำ (แค่ 3% เท่านั้น) ในขณะที่ ROE ก็ค่อนข้างสูงที่ 18-19% (เทียบกับของโรงพยาบาลที่ 8-16%) ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ และเป็นหุ้นเด่น โดยยังคงราคาเป้าหมาย DCF ปี 2563 ที่ 3.10 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.9% และ TG ที่ 3.0%)
Risks
การแทรกแซงของรัฐบาล ปัญหาเสถียรภาพการเมืองรอบใหม่ของไทย และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่