ปรับตัวสูงขึ้น
Trading Buy โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%
คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้ :
คาดดัชนีฯ ปรับตัวสูงขึ้น แนวต้าน 1292 / 1300 จุด แนวรับ 1265 / 1258 จุด ปัจจัยบวก คือ ความคืบหน้าของการทดสอบยารักษา COVID-19 เฟดส่งสัญญาณสนับสนุนเศรษฐกิจ และการคาดว่าผลประชุมธนาคารกลางยุโรปคืนนี้ อาจเพิ่มวงเงินซื้อสินทรัพย์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยลบมาจากแรงขายทำกำไรก่อนวันหยุดยาว (หยุดวันศุกร์ถึงวันจันทร์) และรายงานตัวเลขเศรษฐกิจอียู (1Q20E GDP)
ประเด็นที่มีผลต่อตลาดวันนี้ ได้แก่
1) จับตาผลประชุม ECB, รายงาน 1Q20E GDP ของอียูและประเทศสมาชิก, USA-จำนวน ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
2) การเปิดธุรกิจใหม่ของโลกอาจเร็วขึ้น หลังการทดสอบยา Redemsivir ได้ผลรักษาเป็นไปตามเป้าหมายเบื้องต้น
3) จับตารายงานกำไร ของ Apple, Amazon (ไทย-PTTEP) ส่วนวานนี้ Facebook, Microsoft ส่งสัญญาณบวกต่อแนวโน้มกำไรอนาคต ช่วยหนุน Nasdaq Future ปิดบวกเช้านี้
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้: Earnings: Shell, Amazon, Apple; ECB Meeting, 1Q20E GDP ของยุโรป EU, France, Spain, Italy (คาด -3.9% QoQ, -2.9% QoQ, -3.6% QoQ, -5% QoQ); USA-จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ คาดลดลงเหลือ 3.5 ล้านราย (Vs สัปดาห์ก่อนหน้า +4.427 ล้านราย); ตลาดหุ้นเอเชีย จีน ฮ่องกง ปิดทำการวันที่ 30 เม.ย. (วันเกิดพระพุทธเจ้า) และตลาดหุ้นโลกส่วนใหญ่ปิดทำการวันที่ 1 พ.ค. (วันแรงงาน)
สรุปภาวะตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน วานนี้
+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเป็นวันที่ 3: ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดที่ 1282.68 จุด +7.69 จุด +0.6% วอลุ่ม 4.89 หมื่นล้านบาท อุตสาหกรรมนำขึ้น มีเดีย +4.3% ชิ้นส่วนอิเล็กฯ +4% ไฟแนนซ์ +1.6% หุ้นพุ่งแรง >4% คือ BAM EGCO KCE KTC THAI SUPER VGI PLANB CENTEL BEC D COTTO SVI SPF ส่วนหุ้นร่วง NEX TCMC
+ ตลาดหุ้นโลกปิดบวกแรง: การส่งสัญญาณของประธานเฟด ว่าจะใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และความคืบหน้าของยารักษา Redemsivir เป็นปัจจัยหนุนการแรลลี่ของตลาดหุ้นโลกวานนี้ DJIA +2.21% S&P500 +2.66% Nasdaq +3.57% CAC40 +2.22% DAX +2.89% FTSE +2.63%
+/- น้ำมันดิบกลับมาปิดบวก แต่ทองร่วงต่อเป็นวันที่ 3: WTI +USD2.72 +22% ปิดที่ USD15.06/บาร์เรล Brent +USD2.08 +10.2% ปิดที่ USD22.54/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ก่อนน้อยกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 9 จากคาด 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และการเปิดธุรกิจใหม่อาจเร็วขึ้นหลังการทดสอบยา Redemsivir ได้ผลตามเป้าหมายเบื้องต้น ส่วนทองคำปิด USD1,713.4/ออนซ์ -USD8.8 จากแรงขาย ทำกำไร
ประเด็นสำคัญ
+/- COVID-19 Update ณ วันที่ 29 เม.ย.: พบผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 3.1 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 2.26 แสนราย โดยสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อสูงสุดกว่า 1 ล้านราย เสียชีวิต 6.08 หมื่นราย +ไทย-ศบค. รายงาน ณ วันที่ 29 เม.ย. พบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 9 ราย สะสมเป็น 2,947 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิต ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 54 ราย ปักกิ่ง-จะเริ่ม ผ่อนปรนเกณฑ์การกักตัว 2 สัปดาห์ สำหรับผู้เดินทางเข้ามาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ยกเว้นการเดินทางมาจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง USA-ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ขยายเวลาการทำ Social Distancing ที่จะสิ้นสุดวันพฤหัสบดีนี้
+ กทม.: คณะกรรมการโรคติดต่อกทม. ประชุมวานนี้ มีมติอนุมัติผ่อนปรน 8 ประเภทกิจกรรม (ส่วนวันเริ่มยังต้องรอศบค.)
- XD Effect: การขึ้นเครื่องหมายวันนี้จะมีผลกระทบต่อดัชนีตลาดฯ -0.63 จุด นาโดย BJC LHFG SC WHAUP ฯลฯ
+ FOMC Meeting: มีมติคงดอกเบี้ยที่ 0-0.25% และยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว และเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2%
+ USA: ผลการทดสอบยารักษาโควิด Redemsivir ต่อคนไข้ที่ได้รับการรักษาแบบ 5 วัน ในระยะเวลา 10 วัน และแบบ 10 วัน ในระยะเวลา 11 วัน พบว่าในวันที่ 14 จำนวน 64.5% ของคนไข้ 200 คน และ 53.8% ของ คนไข้ 197 คน ตามลำดับ ฟื้นตัวได้ ส่วนอัตราการตายของจำนวนทดสอบ 320 ราย พบว่าเสียชีวิต 7%
+/- ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้: ECB Meeting, 1Q20E GDP EU และประเทศสมาชิก, USA-จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์
+/- ECB Meeting: คาดปรับลดดอกเบี้ย depo rate ลง 20 bp (Consensus : ไม่เปลี่ยนแปลงดอกเบี้ย )สู่ระดับ -0.70% หรือเพิ่มวงเงินซื้อสินทรัพย์
แนะนำ Trading Buy โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%
หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: INTUCH BAM BGRIM
หุ้นเก็งกำไร: บลูชิพที่ร่วงแรง PTT PTTEP CPALL BJC BGRIM GPSC SAWAD MTC BAM KCE DELTA
Derivatives: ทยอยปิดสถานะ Long S50M20 ทำกำไรทั้งหมด ไม่ถือข้ามวันหยุดยาว (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)