ททท.เดินแผน '3ระดับ' คาดเจนวายหวนเที่ยวกลุ่มแรก
“ททท.” เฟ้นแผน 3 ระดับรับคลายล็อกดาวน์ประเทศ รองรับผู้ประกอบการ-ทัวริสต์ ปรับตัวสู่นิวนอร์มอล โฉมใหม่ท่องเที่ยวโลก คาดชาวเจนวายพร้อมใส่เกียร์ออกเดินทางท่องเที่ยวเป็นกลุ่มแรกๆ หลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลาย
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.เตรียมรับการคลายล็อกดาวน์ประเทศจากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ไว้ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1 เตรียมความพร้อมสำหรับการซ่อมสร้าง รองรับการปรับตัวเข้าสู่ความปกติใหม่หรือนิวนอร์มอล พร้อมสื่อสารการตลาดว่าประเทศไทย ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาตินึกถึง
ระดับที่ 2 หากหลายเมืองปลดล็อกการเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างน้อย 50-60% จะเน้นนักท่องเที่ยวบางชาติที่มีการควบคุมโรคได้ดี สามารถเดินทางได้โดยมีใบอนุญาตจากแพทย์ แต่การเดินทางยังต้องอยู่ในการควบคุมเพื่อป้องกันการระบาดซ้ำ และระดับที่ 3 หากทุกอย่างเปิดหมด ต้องเตรียมตัวรับมือกับพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไป
“ก่อนจะเปิดรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว ททท.จะร่วมหารือกับภาคเอกชน หาวิธีการฟื้นฟูภาคท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น สายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร และอื่นๆ รวบรวมเป็นแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเสนอรัฐบาล เพื่อของบประมาณสนับสนุนการฟื้นฟูจากงบเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทของรัฐบาล ดังนั้นทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐและเอกชนต้องประเมินความเสียหายและจัดทำแผนฟื้นฟู 3-6 เดือนนี้ร่วมกัน โดยพิจารณาสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งในไทยและต่างประเทศมาพิจารณาประกอบ และฟื้นฟูอย่างระมัดระวังเพื่อให้เศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัว”
นอกจากนี้ เมื่อการระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลงจนสามารถเปิดให้คนเดินทางท่องเที่ยวได้ ททท.มองว่านักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่พร้อมออกเดินทางคือกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย (เจนวาย) ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุระหว่าง 23-40 ปี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงาน มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ชอบคิดนอกกรอบ ชอบนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยจึงต้องปรับตัว ให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนบริการของตัวเองให้สอดคล้องกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เพื่อรองรับกระแสการเดินทางที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
“แน่นอนว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคือการเปลี่ยนแปลงภายใต้นิวนอร์มอล การท่องเที่ยวต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพและความปลอดภัยมากขึ้น โดยสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการนับจากนี้คือข้อมูลสำคัญๆ ด้านความสะอาดและสุขอนามัยพื้นฐาน ช่วยให้เกิดความมั่นใจและลดความเสี่ยงจากการระบาดได้ เพราะอนาคตข้างหน้าจะหวังให้มีนักท่องเที่ยวมามากๆ เหมือนสมัยก่อนคงไม่ได้แล้ว”
สำหรับแนวโน้มการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก เช่น เดิมนักท่องเที่ยวมักเดินทางออกมาเป็นกลุ่มขนาดใหญ่หรือกรุ๊ปทัวร์ แต่หลังจากนี้ไปการเดินทางท่องเที่ยวจะเปลี่ยนมาเป็นกรุ๊ปขนาดเล็กมากขึ้นหรือเดินทางด้วยตัวเอง (เอฟไอที) ส่วนระยะการพำนักของนักท่องเที่ยวก็อาจปรับเปลี่ยนจากการพำนักในระยะยาวเป็นระยะสั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการประหยัดค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ได้ขยายตัวอย่างที่เคยประเมินไว้ รวมถึงกิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป คาดว่านักท่องเที่ยวน่าจะหันมาสนใจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีหลังต้องเผชิญสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ผู้ว่าการ ททท.กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับ ททท.เกี่ยวกับเป้าหมายของจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้รวมท่องเที่ยวไทยตลอดปี 2563 เพิ่มเติม เบื้องต้นคาดว่าเป้ารายได้รวมน่าจะอยู่ที่ 1.23 ล้านล้านบาท โดยจะมีการปรับสัดส่วนเป้ารายได้ตลาดต่างประเทศและตลาดในประเทศอีกครั้ง ส่วนคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ 14-16 ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทยคาดอยู่ที่ 80-100 ล้าน-ครั้ง