“อมาโด้”สูตรปั้นธุรกิจความงาม อดีตบอยแบนด์ไอดอล

“อมาโด้”สูตรปั้นธุรกิจความงาม อดีตบอยแบนด์ไอดอล

เชน- ธนา พลิกบทบาท บอยแบนด์ ศิลปินไอดอล สู่ผู้บริหารธุรกิจ เจ้าของแบรนด์ “อมาโด้” สินค้าความงาม ขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพ จากวิธีคิดเล่นทุกบทบาทให้มีคุณค่า ยิ่งวิกฤติโควิด ยิ่งพลิกโอกาสขยายแพลตฟอร์มออนไลน์กระตุ้นยอดขาย จิ๊กซอว์พาธุรกิจเข้าตลาดในปี63

คำว่าดารา ศิลปิน กับธุรกิจ เป็นสิ่งต่างกันคนละทักษะ เพราะดาราคือศาสตร์แห่งการแสดง ของการขายอารมณ์ ความรู้สึก ผ่านเรื่องราว และเสียงเพลง ขณะที่ธุรกิจขายความพึงพอใจของสินค้า ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าของธุรกิจ

เมื่อ เชน-ธนา ลิมปยารยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด อดีตบอยวงบอยแบนด์ “ไนท์ ทู มีท ยู” ยุค ป๊อป ฮิปฮอป และอาร์แอนบี และเคยแยกตัวเป็นศิลปินเดี่ยวแห่งค่ายอาร์เอส ข้ามไปมีผลงานการแสดงบ้างประกาย เส้นทางที่ทำให้เขาเคยอยู่ในจุดมีชื่อเสียงและเงินทอง เป็นไอดอลที่มีแฟนคลับตามเชียร์มากมาย มีทั้งชื่อเสียง คนรักมากมาย และเงินทอง ตอบโจทย์ชีวิต เพียงแต่เป็นแค่ระยะสั้นช่วงชีวิตวัยรุ่นเท่านั้น

ทว่า การเติบโตมากับครอบครัวธุรกิจสิ่งทอ ซึมซับวิธีคิดต่อยอด เปลี่ยนเงินเป็นทุนให้งอกเงย ทุนก้อนแรกได้จากการเป็นศิลปิน จึงถูกเปิดเป็นกิฟท์ช้อป แบรนด์เกาหลี “ซอลมุนปัง” ร้านตั้งอยู่ที่สยาม ซอย2 และแหล่งแฟชั่นแพลตตินั่ม

เป้าหมายผมคือนักธุรกิจ แม้จะมีโอกาสเดินในเส้นทางบันเทิง เป็นอาชีพที่ไม่ได้ไม่ชอบ แต่ทำได้ จึงทำได้เพียงช่วงหนึ่งของชีวิต ระหว่างที่เป็นศิลปินในวงการก็หาลู่ทางทำธุรกิจตลอด ทั้งการขายของ กิฟท์ชอป จากเกาหลี ชื่อ “ซอลมุนปัง” และต่อยอดอื่นๆ”

อดีตนักร้องวงบอยแบนด์ เริ่มผันตัวเองมาสู่เส้นทางธุรกิจ ด้วยจังหวะชีวิตมีงานที่ลดลง มีโอกาสใหม่เข้ามา จึงสานต่อความฝันวัยเด็กอยากเป็นเจ้าของธุรกิจประสบความสำเร็จ มีแบรนด์เป็นของตัวเอง

ทุกอย่างมันมีอายุของมันต้องข้ามผ่านไปให้ได้และเตรียมพร้อมกับชีวิต ผมเห็นเพื่อนในวงการล้มเละไม่เป็นท่า ไม่มีงานทำ เพราะไม่ได้เตรียมชีวิต ยุคนี้มันยุคแห่งความเร็ว ต้องใช้โอกาสให้เป็นและต้องหาอะไรรองรับ สร้างคุณค่าให้กับตัวเองให้ได้ในทุกที่ที่อยู่ เราเลือกเส้นทางชีวิตเองได้ ทำสิ่งที่คุ้มค่ากับชีวิตของเรา” 

หลักคิดที่ทำให้วันที่เชน มีชื่อเสียง เขาจะไม่หยุดมองหาโอกาสใหม่ โดยเฉพาะการที่เคยผ่านทุกสมรภูมิที่เป็นบทเรียนให้กับชีวิตที่เคยแย่ กลับทำให้เขาก้าวไปหาความท้าทายใหม่ที่ดีกว่าเดิม แม้กระทั่งธุรกิจเจ๊ง ต้องปิดตัวในช่วงปิดห้างเพราะการเมืองที่สยาม รวมถึงประตูน้ำ

เชน-ธนา เข้าใจวัฎจักรของวงการบันเทิงการแข่งขันสูง มีทั้งดาวดวงใหม่แจ้งเกิดและมีดับอย่างรวดเร็ว เชนจึงใช้โอกาสเป็นดาราต่อยอด ชิมลางทุกธุรกิจ ช่วงที่งานบันเทิงเริ่มลดลง เป็นจังหวะที่เรียนจบจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงหันไปทำงานประจำตำแหน่งพนักงานฝ่ายการตลาด บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ในปี 2554 -2557 เขายอมแม้กระทั่งเป็นคนเปิดประตู เสิร์ฟน้ำให้ผู้มาคลินิก เพราะเป็นคนที่ยอมถอดหัวโขน ความเป็นคนมีชื่อเสียง ปรับตัวสวมบทบาทใหม่ ในคลินิก วุฒิศักดิ์

158941809850

ปี 2557 ถือเป็นปีที่เชน - ธนา ตัดสินใจลุยตามความฝัน ปั้นธุรกิจของตัวเอง เพราะจังหวะลงตัว โอกาสวิ่งเข้าใส่ มีนักลงทุน และพาร์ทเนอร์ธุรกิจ หนุนให้เชนคิดปั้นบริษัท หลังจากเห็นภาพของธุรกิจสุขภาพและความงามขยายใหญ่โตขึ้นทุกปี ทุกชนชั้น อาชีพ ต่างต้องการรูปลักษณ์สวย อ่อนเยาว์ มีสุขภาพดี อายุยืนยาว นี่คือโจทย์ใหญ่ของคนยุคนี้ที่ทำให้เกิดการขยายตัวผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงาม เช่น คอลลาเจน ดูแลผิวพรรณ และดูแลกระดูก

เชน-ธนา กระโดดเข้ามารุกสังเวียนสุขภาพ ด้วยโจทย์ตั้งต้นที่เน้นสร้างแบรนด์“อมาโด้” ตั้งแต่วันแรกพร้อมกันกับสินค้าตัวแรกนำเข้าจากเกาหลี อมาโด้กาเน่ (Amado KA-NE) กลูต้าเม็ดฟู่ นำเข้าจากเกาหลี จนตามมาด้วยผลิตภัณฑ์เสริมความงาม และดูแลสุขภาพหลายตัว

เขาเริ่มต้นไล่เลี่ยกันกับวันที่แบรนด์เสริมความงามเติบโตบนโลกออนไลน์ แต่เขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างคือการมีศูนย์วิจัยและพัฒนา(R&D) พัฒนาสูตรของตัวเอง เป็นแต้มต่อ จากหลากหลายแบรนด์ที่ไปสั่งโรงงานผลิตแล้วติดแบรนด์

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาหลังจากเกิดสินค้าความงามเกลื่อนตลาด เสมือนเป็นจุดเปลี่ยนฟองสบู่ของผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เมื่อเกิดเหตุการณ์กวาดล้างสินค้าปลอม ตีหัวเข้าบ้านทั้งเมจิก สกิน และอีกหลากหลายแบรนด์ อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เป็นทั้งผลบวกและลบ ทำให้ผู้บริโภคไม่มั่นใจยอดขายตก แต่ขณะเดียวกันคู่แข่ง ที่ไม่รับผิดชอบ ก็ถูกลบออกจากตลาดไปกว่าครึ่งหนึ่ง

คงเหลือไว้แต่แบรนด์ที่มีแหล่งผลิต และมี R&D มีแบรนด์ที่ทำให้ผู้บริโภคเชื่อถือ แม้ในปี 2561 เป็นปีที่ทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ทำให้บริษัทกลับมาตั้งหลักยืนได้ปีถัดมา ปี 2562 มียอดขาย 690 ล้าน ปี 2563 ตั้งเป้าหมายเติบโตเท่าตัว 1,200 ล้านบาท ท่ามกลางวิกฤติแต่เขากลับยังเดินตามตามเป้าหมายเดิม ที่นำธุรกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2563 เพื่อระดมทุนขยายโรงงานสร้างหลังบ้านที่แข็งแกร่ง และขยายช่องทางการขาย

สิ่งที่ทำให้เขาเติบโตแม้สถานการณ์โควิด-19 จะเล่นงานหลากหลายธุรกิจ แต่ธุรกิจอมาโด้ ปรับตัวช่องทางการขาย เป็นออนไลน์ เทเลเซลล์ชดเชยกับช่องทางที่ถูกสั่งปิด 40 แห่งในห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงปลายปีรับกับยุคโควิด ด้วยเจลแอลกอฮอล์ จัดเซ็ท 999 บาท 8 ชิ้น สั่งจองในแพลตฟอร์มออนไลน์ อดยอดขายแตะ 1 แสนเซ็ทภายในไตรมาสแรก ปี 2563 ส่งผลทำให้รายได้บริษัทไตรมาสแรก 300 ล้านบาท

เขามองว่า แม้ในวิกฤติ แต่อมาโด้ทำยอดขายให้เติบโตได้เพราะการปรับตัว ใช้แบรนด์ที่แข็งแกร่งในตลาดออนไลน์อยู่แล้วออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ตอบสนองความต้องการลูกค้าในยุควิกฤติ รวมไปถึงการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทดแทนที่หายไป ตลอดจนการดีลดูแลโดยตรงกับผู้บริโภค โดยใช้ฐานลูกค้าสมาชิกที่มีกว่า 1 แสนราย เป็นการสร้างความใกล้ชิด ผูกพัน โดยตรงกับบริษัท แทนตัวแทนที่ไม่สามารถควบคุมได้

158941809874

เราปรับตัวและมองสถานการณ์ความต้องการตั้งแต่เดือนธ.ค.2562 จึงสั่งผลิตเจล ใครทำก่อนก็เข้าถึงตลาดก่อน ขณะที่สินค้าปกติในเครือก็หาช่องทางอื่นๆ ชดเชยร้านค้าคีออส ในห้างที่สั่งปิดไปกว่าสัดส่วน 5-7% ในวิกฤติมีโอกาสหากมีการปรับตัว วางแพลตฟอร์ม ทำงานผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (IoT -Internet of Things) มีการปรับช่องทางการกระจายสินค้า”

สิ่งสำคัญในยุควิกฤติที่จะต้องดูแลคือหลังบ้าน ดูแลพนักงานกว่า 170 ชีวิต ให้ก้าวผ่านวิกฤติไปพร้อมกัน ที่เป็นเสมือนตัวแทนนำสินค้าเข้าไปถึงผู้บริโภค สร้างความจดจำเป็นผู้ส่งต่อแบรนด์”อมาโด้” คือแบรนด์ที่ทำให้คิดถึงแลสุขภาพและความงาม

ปี 2562 ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมความงามและสุขภาพ มูลค่า 22,000 ล้านบาท อมาโด้ ปิดยอดขายที่ 700 ล้านบาท คิดเป็น 3.18% จากส่วนแบ่งการตลาดรวม ปี 2563 มีมูลค่า 24,000 ล้านบาท อมาโด้ วางเป้าหมายรายได้ 1,200 ล้านบาท มีส่วนแบ่งทางการตลาด 5%

.....................

สูตรปั้นธุรกิจฉบับศิลปินไอดอล

-สร้างแบรนด์ตั้งแต่วันแรกที่คิด

-พลิกหาโอกาสให้ไว ไปก่อนคู่แข่ง

-ดูแลฐานสมาชิกให้เป็นพันธมิตรระยะยาว

-เชื่อมแพลตฟอร์มออนไลน์สร้างมูลค่า