ติดตามการประชุม FOMC
คาด SET อ่อนตัวทดสอบ 1,395 – 1,400 จุดก่อนจะสลับรีบาวด์ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน
ตลาดหุ้นวานนี้
SET Index ร่วงแรงกว่า 30 จุด (-2.11%) ปิดที่ระดับ 1,408 จุด มูลค่าซื้อขาย 1.15 แสนล้านบาท ดัชนีปรับลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนีปรับขึ้นร้อนแรงจน Valuation เริ่มตึงตัว ส่วนปัจจัยในประเทศนักลงทุนผิดหวังที่ประชุม ครม.ยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวตามที่ตลาดคาดไว้ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 486 ล้านบาท แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 4,975 ล้านบาท และ Net Long TFEX SET50 5,301 สัญญา
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้
เรามีมุมมองเป็นกลาง-ลบคาด SET อ่อนตัวทดสอบ 1,395 – 1,400 จุดก่อนจะสลับรีบาวด์ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน อีกทั้งคาดว่านักลงทุนจะชะลอการซื้อ/ขายเพื่อติดตามการประชุม FOMC ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย 0-0.25% และคงการใช้ QE แบบไม่จำกัดวงเงินต่อไป แต่ต้องจับตาคำแถลง FED เกี่ยวกับสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐหลังมีการผ่อนคลาย Lockdown ว่าจะฟื้นตัวอย่างที่นักลงทุนคาดหวังไว้หรือไม่ นอกจากนี้ Valuation ที่ค่อนข้างตึงตัวของ SET (P/E 20 เท่า) จะเป็นอีกปัจจัยที่จะกดดันทิศทางดัชนีในช่วงนี้
** 10 มิ.ย. ติดตามการประชุม FOMC เพื่อจับสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยรวมถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy
- หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET 50 / 100 รอบใหม่ BPP TTW ACE DOHOME RBF SIRI SISB TVO WHAUP
- กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น (CKP TASCO STA RS)
- กลุ่ม Defensive พักเงินในช่วงตลาดผันผวน (INTUCH TTW DIF)
หุ้นแนะนำวันนี้
- GFPT (ปิด 13.1 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 14.40) ได้ Sentiment บวกราคาขายไก่ในประเทศปรับตัวขึ้นต่อเนื่องล่าสุดปรับขึ้นเป็น 33-34 บาทต่อ ก.ก.เทียบกับช่วงต้นเดือนที่ 30 บาทต่อ ก.ก. และยังได้ประโยชน์จากราคากากถั่วเหลืองที่ยังอยู่ในระดับต่ำและมีแนวโน้มลดลงหลังจากจีนประกาศเลิกนำเข้ากากทั่วเหลืองจากอเมริกาชั่วคราวส่งผลให้ต้นทุนอาหารสัตว์ของ GFPT ลดลง
- KKP (ปิด 49.25 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 52) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q20 น่าจะแข็งแกร่งทีสุดเมื่อเทียบหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดกลาง เนื่องจากในไตรมาสนี้จะได้แรงหนุนจากผลกำไรในธุรกิจหลักทรัพย์ผ่านการถือหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ภัทรมาชดเชยซึ่งไตรมาสนี้ได้ประโยชน์โดยตรงจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นช่วยชดเชยรายได้จากธุรกิจธนาคารที่ชะลอตัวจากดอกเบี้ยที่ลดลงและ loan growth ที่ชะลอตัว
บทวิเคราะห์วันนี้
VNT (ปิด 22.9 ซื้อ/เป้า 25), MINT (ปิด 23.9 ปรับลดเป็นถือ/เป้า 25), Property sector (Top pick: LH), Tourism sector (Top pick: AOT)
ประเด็นสำคัญวันนี้
- (-) ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนเข้าเทขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนีปรับขึ้นร้อนแรงและ Valuation ค่อนข้างตึงตัว: ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มปรับตัวลงเมื่อคืน โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 300 จุด (-1%) ปิดที่ระดับ 27,272 จุด, ดัชนีตลาดหุ้นยุโรป (Euro stoxx50) ลดลง 46 จุด (-1.35%) ปิดที่ระดับ 3,321 จุด เนื่องจากนักลงทุนเข้าเทขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนีปรับขึ้นร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นถึง 47% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนี Euro stoxx50 เพิ่มขึ้น 39% นอกจากนี้นักลงทุนยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐ (Fed meeting) ที่จะมีขึ้นในเย็นวันนี้ (ตลาดบ้านเรารู้ผลพรุ่งนี้เช้า)
- (+) ราคาน้ำมันดิบฟื้นจากข่าว EIA ปรับขึ้นราคาขายเฉลี่ยน้ำมันในปีนี้ แต่ระยะสั้นเรายังมองราคาน้ำมันจะยังอยู่ในโหมดพักตัว: ราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวขึ้น 75 เซนต์ (+2%) ปิดที่ระดับ 38.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รับข่าวสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) ปรับเพิ่มราคาน้ำมันเฉลี่ยของน้ำมันดิบ WTI และ Brent ในปีนี้ขึ้นเป็น 35.14 ดอลลาร์ และ 38.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมในเดือน พ.ค.ประมาณ 17% และ 11.4% ตามลำดับ เช่นเดียวกับฝั่งซัพพลาย EIA ปรับลดการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในปีนี้ลง 1% เป็น 11.56 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าในช่วงสั้นหรือภาพในระยะ 1 สัปดาห์เรายังเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบจะยังอยู่ในโหมดพักตัวหลังจากที่ราคาปรับขึ้นอย่างร้อนแรงกว่า 4 เท่าตัวในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ Sentiment การลงทุนในกลุ่มธุรกิจน้ำมันดิบในช่วงสั้นอาจจะเข้าสู่โหมดพักตัวเช่นเดียวกัน
- (+) Fed meeting คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% ตามเดิม และเดินหน้าเข้าซื้อสินทรัพย์แบบไม่จำกัดวงเงินจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว: ประชุมเฟดวันนี้เรายังมั่นใจว่าเฟดจะยังเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป โดยคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% และเข้าซื้อสินทรัพย์ (QE) แบบไม่จำกัดวงเงินตามเดิม สอดคล้องกับ CME Group คาดความน่าจะเป็นที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยมีโอกาสสูงถึง 95% และ CME Group ยังคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% ไปจนถึงต้นปีหน้า ส่วนปัจจัยที่น่าสนใจมากกว่าอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ คือ ถ้อยแถลงหรือการแสดงมุมมองเศรษฐกิจ ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด โดยเฉพาะแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐว่าจะฟื้นตัว ช้าหรือเร็วกว่า ที่เฟดเคยคาดการณ์ไว้ เนื่องจากมุมมองเศรษฐกิจของประธานเฟดจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Sentiment การลงทุน และจะบ่งชี้ถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยในระยะกลางถึงยาว