‘แกรนด์แอสเสท’ ดึง 6 พันธมิตร ผุดโมเดลฟื้นรายได้ฝ่าโควิด

‘แกรนด์แอสเสท’ ดึง 6 พันธมิตร ผุดโมเดลฟื้นรายได้ฝ่าโควิด

วิกฤติโควิดแม้จะคลี่คลายในไทย แต่ในระดับภาพใหญ่ทั่วโลกยังน่าเป็นห่วงเรื่องการระบาดรอบ 2 ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยจำเป็นต้อง “บิดกลยุทธ์” และวิธีการทำตลาด หนึ่งในนั้นคือการจับมือกับพันธมิตรเพื่อปิดจุดอ่อนของธุรกิจในวันที่นักท่องเที่ยวต่างชาติหาย 100%

วิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาคท่องเที่ยวไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดของวิกฤติโควิด-19 ไปแล้วเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา หลังรัฐบาลไทยประกาศใช้ พรก.สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค และมีข้อจำกัดด้านการเดินทางของประเทศต่างๆ คาดหวังว่าจะฟื้นตัวได้รวดเร็วแบบรูป V-Shape มากกว่าเป็นรูป U-Shape อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์

ด้านกลุ่มธุรกิจโรงแรมของแกรนด์ แอสเสทฯซึ่งมีในเครือ 5 แห่ง แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 3 แห่ง หัวหิน 1 แห่ง และปราณบุรี 1 แห่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก ครึ่งปีแรกมีอัตราเข้าพักเพียง 10% จึงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อ “ปิดจุดอ่อน” ของกลุ่มธุรกิจโรงแรม ด้วยการร่วมมือกับ 6 พันธมิตรธุรกิจท่องเที่ยวและบริการเพื่อส่งเสริมการขายอย่างรอบด้าน ได้แก่ รพ.พญาไท เอไอเอส ไทยแอร์เอเชีย ทิพยประกันภัย ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ซึ่งมีฐานสมาชิกผู้ถือบัตรเครดิตชาวจีน 150 ล้านราย และบัตรเครดิตกรุงไทย (เคทีซี) ซึ่งมีฐานสมาชิกผู้ถือบัตรฯชาวไทย 2 ล้านราย

“นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญขององค์กรเอกชนชั้นนำในการจับมือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว หลังจากประเทศไทยได้แสดงศักยภาพในการควบคุมและขจัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นอันดับที่ 2 ของโลก ส่งผลให้การเดินทางและจองห้องพักจากตลาดในประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้ง”

แกรนด์แอสเสทฯจึงเปิดตัวแคมเปญขายแพ็คเกจห้องพักที่มุ่งยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพของนักท่องเที่ยวด้วยบริบทใหม่ด้านสุขอนามัย เพิ่มความมั่นใจด้วยการเป็นครั้งแรกของโรงแรมไทยที่ติดตั้งเครื่อง TytoCare และบริการแพทย์ออนไลน์โดย รพ.พญาไท นำโซลูชั่นจากเอไอเอสมาใช้คัดกรองผู้เข้าพัก

พร้อมออกโปรโมชั่นขายบัตรกำนัลโรงแรมหรู 6 แห่ง แบ่งเป็น 5 แห่งในเครือฯ ได้แก่ ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท, รอยัล ออคิด เชอราตัน, เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ, เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา และเชอราตัน หัวหิน ปราณบุรี และโรงแรมพันธมิตรอีก 1 แห่งคือ อมาธารา เวลเนส รีสอร์ท ภูเก็ต โดยบัตรกำนัลราคา 6,000 บาท มีมูลค่า 10,000 บาท และบัตรกำนัลราคา 12,000 บาท มีมูลค่า 20,000 บาท ใช้ได้ทั้งห้องพัก รับประทานอาหาร และบริการสปา จำหน่ายที่โรงแรมทั้ง 6 แห่งตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ก.ค.นี้ ใช้ได้ทุกวันจนถึงวันที่ 23 ธ.ค.นี้ นอกจากนี้ยังมีตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียราคาพิเศษ ประกันโควิด-19 จากทิพยประกันภัยสำหรับผู้ซื้อบัตรกำนัล และสิทธิประโยชน์จากไอซีบีซีและเคทีซี

“เราตั้งเป้ายอดขายบัตรกำนัลจากแคมเปญส่งเสริมการขายนี้ที่ 15,000 บัตร คิดเป็นรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มกระแสเงินสดให้แต่ละโรงแรมในเครือ อย่างไรก็ตามเป้าหมายรายได้ถือเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งสำคัญคือการร่วมกระตุ้นภาคท่องเที่ยวอีกแรงช่วยภาครัฐ”

ด้านธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ภาครัฐควรทำ “ทราเวล บับเบิล” ด้วยการเปิดให้ทำการบินเส้นทางระหว่างประเทศ โดยประเทศคู่สัญญาไม่จำเป็นต้องมีความพร้อมทุกเมือง สามารถเลือกเฉพาะเมืองที่มีความพร้อมได้ เบื้องต้นในเดือน ก.ค.นี้น่าจะทำการบินในกลุ่มอาเซียนก่อน เช่น กลุ่ม CLMV อย่างเมียนมา เวียดนาม กัมพูชา และลาว ซึ่งมีผู้ติดเชื้อน้อยราย และแทบไม่มีการระบาด เพราะไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการสายการบิน โรงแรม หรือแม้แต่ร้านอาหารก็จะไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้

“น่าจะอนุญาตเปิดทำการบินไปยังเมืองที่มีความพร้อมและไม่มีการแพร่ระบาด ไม่ควรมองเป็นทั้งประเทศ อย่างประเทศจีน เมืองที่ไม่มีการระบาด เช่น กว่างโจว เซินเจิ้น และคุนหมิง สามารถบินระหว่างกันได้ เช่นเดียวกับญี่ปุ่นก็น่าจะดูเป็นเมืองๆ ไป พร้อมจับคู่แต่ละตลาดกับแต่ละจุดหมายท่องเที่ยวเป็นคลัสเตอร์ เช่น อนุญาตให้ชาวจีนเที่ยวได้เฉพาะชายหาดนี้เท่านั้น เพราะถ้าไม่มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเลย ภาคท่องเที่ยวจะไม่มีทางฟื้น เราจึงต้องหาจุดตัดกับเรื่องสุขภาพว่าอยู่ตรงไหน”

อย่างไรก็ดีหากยังมีข้อจำกัดเรื่องการกักตัว 14 วัน คาดจะไม่มีใครเดินทางมาท่องเที่ยวไทย โดยมองว่าควรใช้วิธีตรวจหาเชื้อที่รู้ผลเร็วและแม่นยำแทน เพราะขณะนี้มีเทคโนโลยีและหลายวิธีในการตรวจหาเชื้อแล้ว

++++++++