“วิทัย”เดินหน้าแก้หนี้1.35แสนล้าน
“วิทัย”มอบนโยบายผู้บริหารและพนักงานหลังรับตำแหน่งวันแรก โดยจะเดินหน้าแก้หนี้กว่า 1.35แสนล้านบาท พร้อมตั้งสำรองหนี้สูญอีก 5 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าเป็นธนาคารเพื่อสังคม ลดกิจกรรมไม่จำเป็นของผู้บริหาร เพื่อลดค่าใช้และทำให้ธนาคารมีความโปร่งใส
รายงานข่าวจากธนาคารออมสินเปิดเผยว่า วันนี้(1 ก.ค.)นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการออมสินคนใหม่ได้เดินทางเข้ารับตำแหน่งวันแรก โดยได้กล่าวกับคณะผู้บริหารและพนักงานว่า ความท้าทายของธนาคารหลังจากนี้ คือ การบริหารจัดการหนี้เสียและการสำรองหนี้สงสัยจะสูญ ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
ทั้งนี้ ก่อนพักชำระหนี้และดอกเบี้ยอัตโนมัติ เพื่อช่วยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ธนาคารมีหนี้ที่ลูกหนี้ค้างชำระอยู่จำนวน 3.3 แสนบัญชี มูลหนี้ 7 หมื่นล้านบาท และลูกหนี้ที่รอปรับโครงสร้างหนี้อีก 4 แสนบัญชี มูลหนี้ 6.5 หมื่นล้านบาท รวมทั้งสิ้น 1.35 แสนล้านบาท
“ส่วนนี้เป็นความท้าทายของธนาคารว่า จะบริหารจัดการหนี้ส่วนนี้อย่างไร ส่วนการที่ธปท.สั่งให้ทุกธนาคารตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 8.3 หมื่นล้านบาทนั้น คาดว่าธนาคารจะสำรองหนี้สงสัยจะสูญได้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท”
นอกจากนี้ ธนาคารออมสินจะปรับบทบาทเป็นธนาคารเพื่อสังคมก้าวสู่ธนาคารโซเชียลแบงก์กิ้ง (Social Banking) เพื่อดูแลประชาชน เศรษฐกิจฐานราก และคนจน รวมถึง เป็นกำลังหลักของประเทศ ในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ผ่านการสนับสนุนด้านสินเชื่อและโครงการต่างๆ ซึ่งโครงการที่ออกมานั้น จะต้องช่วยเหลือประชาชนได้จริงๆ ไม่เน้นภาพลักษณ์แต่เน้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง และกำไรไม่ต้องไม่ลดลง
สำหรับการก้าวสู่โซเชียลแบงก์ ธนาคารจะต้องมีความเข้มแข็งเรื่องดิจิทัล ดังนั้นจึงจะพัฒนาแอพ Mymo(มายโม) ให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้ประชาชนใช้เป็นหลัก โดยในแอพมายโมนี้ จะต้องตรวจสอบตัวตนลูกค้า ตรวจสอบเครดิตบูโร ทำสัญญาผ่านมายโมได้ เป็นต้น ซึ่งจะสามารถลดภาระการทำงานของสาขา และลดจำนวนลูกค้าที่เดินทางมาที่สาขา เนื่องจากที่ผ่านมาจากนโยบายของรัฐบาล ทำให้มีผู้มาใช้บริการที่สาขามากถึง 3-5 ล้านคน
นอกจากนี้ ธนาคารจะขอลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นต่อผู้บริหารลง อาทิ การโฆษณา การจัดงานตีกอล์ฟ ไปต่างประเทศ เป็นต้น โดยจะให้จัดเท่าที่จำเป็นเท่านั้นและจะต้องดูความคุ้มค่าในการจัดงานด้วย ซึ่งเรื่องนี้ตนได้สั่งการชัดเจนไปแล้ว เพื่อให้ธนาคารออมสินอยู่บนความคลีนและกลับมาสู่ตัวตนของธนาคารออมสินที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม จากนี้ธนาคารคงไม่แข่งเรื่องความใหญ่ หรือเรื่องเงินบริจาค แต่จะมุ่งเป้าทุกอย่างไปที่การสนับสนุนสาขาของธนาคารให้มีความเข้มแข็ง โดยให้ผู้บริหารส่วนกลางช่วยสนับสนุนงานของสาขา ทั้งเรื่องอุปกรณ์ และการให้เงินล่วงเวลา(โอที) เพื่อให้พนักงานสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย ทั้งนี้ แม้เงินโอทีที่ให้พนักงาน ซึ่งทำงานเพื่อช่วยเหลือลูกค้าช่วยโควิด-19 จะหมดลง แต่ตนก็ยินดีจะโอนเงินให้เพิ่มเติมให้อีกเท่าหนึ่งเพื่อดูแลพนักงานเหล่านี้ให้มีกำลังใจทำงาน
ส่วนในเรื่องโบนัสของลูกจ้าง จะจ่ายให้แน่นอนไม่ลังเล เพราะการที่จะช่วยคนนอกให้แข็งแรงได้ และการจะเป็นธนาคารที่เป็นกำลังหลักของประเทศชาติ คนในธนาคารต้องมีความแข็งแรงก่อน ซึ่งจะต้องดูแลคนของเราให้ดี ไม่ใช่ตัวใครตัวมัน โดยตนจะสร้างช่องทางการสื่อสารผ่านเฟสบุ๊ค เพื่อให้แจ้งปัญหาการทำงาน และนำข้อเสนอแนะเหล่านั้นมาปรับแก้เพื่อให้การทำงานในธนาคารดีขึ้น