DOHOME - ถือ

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

lmpact

ผลการดำเนินงานกลับสู่ภาวะปกติหลังผ่อนคลายมาตรการ lockdown

ผลการดำเนินงานของ DOHOME กลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown ไปจนเกือบหมดแล้ว โดย SSSG ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือนกรกฎาคม (~10% YoY) และสิงหาคม (น้อยกว่า +10% YoY) จากอุปสงค์ของ sub-contractor ทั้งนี้ เนื่องจาก SSSG ดีเกินคาดในเดือน
กรกฎาคม-สิงหาคม เราจึงมองว่าสมมติฐาน SSSG ปีนี้ของเราที่ -1.5% ยังอาจจะมี upside อีกเล็กน้อยโดย SSSG ที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 1% จะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 3% นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นก็ฟื้นตัวขึ้นกลับมาอยู่ระดับปกติที่ประมาณ 16-17% หลังจากที่ลดลงไปเหลือ 14.9% ใน 2Q63 ซึ่งเป็น
ช่วงที่มีการใช้มาตรการ lockdown และเนื่องจาก GPM ใน 1H63 อยู่ที่ 15.2% เราจึงเชื่อว่า GPM ปีนี้ น่าจะเป็นไปตามสมมติฐานปีนี้ของเราที่ 15.8% ซึ่งรวมการฟื้นตัวในครึ่งหลังไว้เรียบร้อยแล้ว

ปรับแผนขยายสาขาขนาด XS (DOHOME To Go)

จากสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 และความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง บริษัทจึงปรับแผนขยายสาขาขนาด XS (จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 90 ร้านภายในปี 2564) โดยตั้งเป้าสาขาขนาด XS ไว้ที่ 15 ร้านในปีนี้ (เมื่อสิ้นงวด 2Q63 มีจำนวนสาขาขนาด XS 8 ร้าน) เทียบสมมติฐานของเรา ณ สิ้นปีที่ 11 สาขา ส่วนสาขาขนาด L บริษัทยังคงตั้งเป้าไว้ที่ 16 สาขาภายในปี 2564 โดยจะเปิดสาขาใหม่ 2 แห่งในปี 2563 และอีก 4 สาขาในปี 2564 สอดคล้องกับสมมติฐานของเรา

มีโอกาสให้เข้าเก็งกำไรได้จากแนวโน้มกำไรที่มีแววดีในช่วง low season

ถึงแม้ว่าตามปกติแล้วไตรมาสที่สามจะเป็นช่วง low season แต่เราคาดว่าผลประกอบการของ DOHOME น่าจะดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ใน 3Q63 จากฐานกำไรที่ต่ำใน 2Q63 เพราะมาตรการ lockdown บวกกับมีการขยายสาขาเพิ่ม (ทั้งขนาด L และ XS) และ SSSG ก็เป็นบวกจากอุปสงค์ของโครงการภาครัฐ ซึ่งเราเชื่อว่าประเด็นเหล่านี้จะหนุนให้ราคาหุ้น DOHOME ขยับขึ้นมาซื้อขายในระดับเดียวกับ Siam Global Houses (GLOBAL.BK/GLOBAL TB)* และเป็นโอกาสให้เข้าเก็งกำไรได้ ซึ่งหากเราประเมิน upside ประมาณการกำไรของเราอีก ~5% จาก SSSG และใช้ PER ที่ 34.0x (เท่ากับ GLOBAL) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายของ DOHOME ที่ 13.90 บาท มี upside จากราคาปิดล่าสุดอีก 6%

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ "ถือ" DOHOME ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 ที่ 12.50 บาท อิง PER เท่าเดิมที่ 32.0X

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง ขยายสาขาไม่ได้ตามที่วางแผนไว้ ราคาพืชผลตกต่ำ สินค้าค้างสต็อกเพิ่มขึ้น ความนิยมของลูกค้า และแนวโน้มตลาดเปลี่ยนแปลงไป