คนไทยอุ่นใจปีหน้ารัฐเตรียมดูแลค่าไฟตลอดปี

คนไทยอุ่นใจปีหน้ารัฐเตรียมดูแลค่าไฟตลอดปี

การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลายเป็นปัญหาสำคัญที่ซ้ำเติมและฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจในปี2563 ที่ผ่านมา รัฐบาลจึงออกหลายมาตรการเพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะการดูแลอัตราค่าไฟฟ้าในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19

แม้ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลายลง แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังต้องใช้เวลา ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำเติบภาระค่าครองชีพของประชาชน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ที่นอกจากจะดูแลภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน โดยมีมติให้ปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในงวดเดือน ม.ค. – เม.ย. 2564 ลดลง 2.89 สตางค์ต่อหน่วย เหลืออยู่ที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ลดลงจากการเรียกเก็บงวดก่อนหน้า (ก.ย. – ธ.ค. 2563) อยู่ที่ -12.43 สตางค์ต่อหน่วย หรือ ผู้ใช้ไฟฟ้าจ่ายค่าไฟฟ้า ถูกลง อยู่ที่ 3.61 บาทต่อหน่วย เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นของขวัญปีใหม่มอบให้กับคนไทย

โดยตามข้อเท็จจริงแล้ว ค่าไฟฟ้าในงวดดังกล่าว จะลดลงได้ถึง 6.68 สตางค์ต่อหน่วย หรือ Ft จะอยู่ที่ -19.11 สตางค์ต่อหน่วย เพราะต้นทุนราคาก๊าซฯ ที่ใช้คำนวนค่าเชื้อเพลิงในงวดนี้ถูกลง เนื่องจากในช่วงปี2563 ทางบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ได้พิจารณาขอนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว ในรูปแบบตลาดจร (Spot LNG ) จำนวน 7 ลำ หรือ ประมาณ ลำละ 65,000 ตัน เข้ามาถั่วเฉลี่ยในสูตรราคาก๊าซฯเฉลี่ยรวม (Pool Gas) ทำให้ต้นทุนค่าก๊าซฯ ถูกลงอย่างมาก

แต่ทาง กกพ. ได้พิจารณาแนวโน้มต้นทุนก๊าซฯ พบว่า ในปี 2564 มีแนวโน้มจะปรับสูงขึ้นสะท้อนราคาน้ำมัน จึงเห็นว่า ไม่ควรปรับลดค่า FT ลงเต็มอัตราดังกล่าว แต่ควรบริหารจัดการให้ค่าไฟฟ้าตลอดปี 2564 หรืออีก 2 งวด คือ งวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 64 และงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 64 อยู่ภายใต้ค่า FT เฉลี่ยที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย จึงมีมติลดค่า Ft ในงวดเดือน ม.ค.- เม.ย.64 ลดลงเพียง 2.89 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น โดยนำ ต้นทุนค่า Ft ที่เหลือไปเกลี่ยใน 2 งวดดังกล่าว เพื่อตรึงค่า FT ทั้งปี2564 อยู่ที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย

อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันหากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงแพงขึ้น หรือ ราคาก๊าซฯปรับสูงขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ ทาง กกพ. ก็ยังตุนเงินสดในมือไว้สำหรับดูแลค่า Ft ได้ด้วย เนื่องจากการบริหารจัดการค่าไฟฟ้าในงวด พ.ค.-ส.ค.63 ทางกกพ.ได้ประเมินต้นทุนค่าไฟฟ้าสูงเกินจริง ทำให้มีเงินจากการบริหารจัดการค่าไฟฟ้าในส่วนนี้กลับเข้ามา 5,121 ล้านบาท แต่นำไปบริหารจัดการเป็นส่วนลดค่า Ft งวด ม.ค.- เม.ย.64 ประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ยังเหลือเงินในส่วนนี้อีก 4,129 ล้านบาท ซึ่ง กกพ.จะเก็บเงินในส่วนนี้ไว้ก่อน เพื่อเตรียมพร้อมดูแลค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนในปี 2564

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ทาง กกพ.ยังมีมติปรับลดอัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินลงทุนเพื่อการดำเนินงาน (ROIC) ของ 3 การไฟฟ้า คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ในส่วนของหนี้สิน เฉลี่ยลดลง 10% ในปีงบประมาณ 2563 เพื่อดูแลหวังนำเงินในส่วนนี้มาดูแลค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า โดยคาดว่า จะมีวงเงินในส่วนนี้ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท

ดังนั้น หมายความว่า หากสมมุติฐานด้านปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อการขึ้นลงของค่า Ft เป็นไปตามที่ กกพ. ประเมินไว้ ก็จะทำให้ตลอดปี 2564 ค่าFt จะไม่เปลี่ยนแปลง และหากต้นทุนเชื้อเพลิงถูกลงการที่ประเมินไว้ ก็อาจส่งผลดีให้ปรับลดค่าไฟฟ้าลงได้

เมื่อนำเงินจากการปรับลด ROIC ของ 3 การไฟฟ้า ที่คาดว่าจะได้ 2,000-3,000 ล้านบาท และเงินจากการบริหารจัดการค่าไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือแล้ว 4,129 ล้านบาท อาจทำให้ในปี 2564 ทาง กกพ.จะมีเงินสำหรับเตรียมพร้อมดูแลค่าFt ตลอดทั้งปี 2564 รวมอยู่ที่ 6,000-7,000 ล้านบาท เพื่อนำมาดูแลค่าไฟฟ้าตลอดทั้งปี ไม่ให้เพิ่มในกรณีที่ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงสูงขึ้น และหากตุนทุนค่าเชื้อเพลิงถูกลงก็จะนำมาเป็นส่วนลดค่าFt ได้ด้วย

แบบนี้ ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าก็สบายใจได้ว่า ตลอดทั้งปี 2564 โอกาสที่ค่าไฟฟ้าจะปรับขึ้นคงเป็นไปได้น้อยกว่า การตรึงค่าไฟฟ้า หรือ ปรับลดค่าไฟฟ้า