ลงทะเบียน 'คนละครึ่ง' รอบ 2 ยังเหลืออีก 2.3 ล้านสิทธิ
ลงทะเบียน "คนละครึ่ง" ย้ำคุณสมบัติก่อนเปิดลงทะเบียนอีกรอบ 11 พ.ย.นี้ ระหว่างเวลา 06.00 น. – 23.00 น. ผ่านเว็บไซต์ "www.คนละครึ่ง.com" ยังเหลืออีก 2.3 ล้านสิทธิ
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการ "คนละครึ่ง" จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอีกครั้งในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 (11/11) ระหว่างเวลา 06.00 น. – 23.00 น. ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com จนกว่าจะครบจำนวน ทั้งนี้ ขอย้ำว่า ผู้ที่สามารถลงทะเบียนได้จะต้องเป็นผู้ไม่เคยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง" มาก่อน หรือเป็นผู้เคยลงทะเบียนแต่ไม่สำเร็จจึงถือเป็นผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการ ซึ่ง ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 มีสิทธิคงเหลือจากผู้ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิและผู้ไม่เริ่มใช้สิทธิภายในกำหนด 14 วัน ที่จะนำมาเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเป็นจำนวน 2.3 ล้านสิทธิ
- อัพเดท 'คนละครึ่ง' รอบ 2 ล่าสุด และแอพ 'เป๋าตัง' ครบจบที่นี่ ที่เดียว!
- วิธียืนยันตัวตนในแอพฯ 'เป๋าตัง' เพื่อใช้เงิน 'คนละครึ่ง' รอบ 2
- 3 เรื่องต้องรู้ก่อน 'ช้อปดีมีคืน' ให้ได้ 'ลดหย่อนภาษี' สุดคุ้ม
- 15 คำถาม 'สินเชื่อเสริมพลังฐานราก' ลงทะเบียนผ่านแอพ ‘MyMo’
- 'เงินอุดหนุนบุตร' เช็คด่วน เงินโอน 10 พ.ย.63 พร้อมเปิดวิธีตรวจสอบสิทธิ ที่นี่
คุณสมบัติของผู้ที่สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง"
- ประชาชนสัญชาติไทยอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันลงทะเบียน
- มีบัตรประจำตัวประชาชน
- ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งได้รับสิทธิจากโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ขอให้เตรียมลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง" ในวันที่ 11/11 ก่อนจำนวนสิทธิจะหมดลงอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ผู้ได้รับสิทธิและใช้สิทธิตามโครงการคนละครึ่งแล้ว จะไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 เวลา 12.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง" แล้วกว่า 5.57 แสนร้านค้า และผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 7,352,274 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 10,155 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 5,178 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 4,977 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 214 บาทต่อครั้ง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ตามลำดับ