CPALL - ซื้อ

CPALL - ซื้อ

ผลประกอบการ 3Q63: กำไรตํ่ากว่าที่เราคาดไว้

Event

กำไรสุทธิของ CPALL ใน 3Q63 อยู่ที่ 4.0 พันล้านบาท (-29% YoY แต่ +39% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 14% และต่ำกว่า Bloomberg consensus 4% โดยกำไรที่ต่ำเกินคาดเป็นเพราะ i) SSSG ต่ำกว่าที่คาด (อยู่ที่ -14.3% จากที่เราคาดว่าจะอยู่ที่ -8.0%) และ ii) consolidate GPM ต่ำเกินคาด (อยู่ที่ 22% จากที่เราคาดว่าจะอยู่ที่ 22.5%) ส่งผลให้กำไรสุทธิในงวด 9M63 อยู่ที่ 1.25 หมื่นล้านบาท (-23% YoY) และคิดเป็น 62% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

lmpact

SSSG ยังคงหดตัวต่อเนื่อง

รายได้รวมจากยอดขายของ CPALL ใน 3Q63 อยู่ที่ 1.30 แสนล้านบาท (-4% YoY, +6% QoQ) เนื่องจากยอดขายของธุรกิจร้านสะดวกซื้อลดลง เพราะถูกกระทบจาก Covid-19 รวมถึงการที่ผู้บริโภคในประเทศระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย และเกณฑ์การควบคุมนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้ SSSG ของร้านสะดวกซื้ออยู่ที่ -14.3% ใน 3Q63 (จาก +2.0% ใน 3Q62 และ -20.2% ใน 2Q63) แย่กว่าประมาณการของเราที่ -8.0% ส่งผลให้ SSSG ในงวด 9M63 อยู่ที่ -13% (แย่กว่าสมมติฐานปีนี้ของเราที่ -10.0%) CPALL เปิดสาขาใหม่อีก 136 ร้านใน 3Q63 ทำให้จำนวนสาขารวมเพิ่มขึ้นเป็น 12,225 ร้านเมื่อสิ้นงวด 3Q63

อัตรากำไรขั้นต้นใน 3Q63 อยู่ที่ 22.0%

อัตรากำไรขั้นต้นรวมใน 3Q63 ลดลง 1.0 ppts YoY แต่เพิ่มขึ้น 0.5ppts QoQ เป็น 22.0% เนื่องจากสัดส่วนยอดขายในธุรกิจ cash & carry (ซึ่งตามปกติจะมี margin ต่ำ) อยู่ในระดับสูง และธุรกิจร้านสะดวกซื้ออ่อนแอ โครงสร้างยอดขาย (ของธุรกิจ CVs) ใน 3Q63 แบ่งเป็นสินค้าประเภทอาหาร 71.5%
และไม่ใช่อาหาร 28.5% จาก 71.1% และ 28.9% ใน 3Q62 โดยอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าอาหารอยู่ที่ 26.7% ลดลง 10bps เนื่องจากยอดขายสินค้าอาหารแปรรูปอ่อนแอ ในขณะเดียวกัน อัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าที่ไม่ใช่อาหารก็อยู่ที่ 26.0% เพิ่มขึ้น 10bps เนื่องจากยอดขายสินค้าด้านการดูแลสุขภาพ และของใช้ส่วนตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการเดินทางในประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากการประหยัดต่อขนาดลดลงเพราะยอดขายของธุรกิจ CVs อ่อนแอ EBIT margin ใน 3Q63 จึงอยู่ที่ 5.2% (-1.0ppts YoY แต่+0.9ppts QoQ)

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" CPALL และให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 ที่ 76.00 บาท อิงจาก PER ที่ 29.0x(ค่าเฉลี่ยของ Siam Makro (MAKRO.BK/ MAKRO TB) และ CPALL -0.5 S.D.)

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ขยายสาขาใหม่ได้ช้ากว่าที่คาด, เกิด disruption จากเทคโนโลยีใหม่, ถูกยกเลิกใช้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven, ความเสี่ยงด้าน logistic