"อมตะ" เผย โควิดฉุดยอดขายปี 63 ร่วง
“อมตะ” เผย โควิด ฉุดยอดขายปี 2563 เหลือ 10-15 โรงงาน จากปกติ 30-50 โรงงาน แนะลดเวลากักตัวเหลือ 10 วัน อำนวยความสะดวกนักลงทุนต่างชาติ
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (โควิด-19) ส่งผลยอดจำหน่ายที่ดินของบริษัทไม่เป็นไปตามเป้าหมายเดิม 950 ไร่ หรือมียอดซื้อและเช่าโรงงานใหม่ลดลงหรือเพียง 10 – 15 โรงงานเท่านั้น จากเดิมยอดเฉลี่ยของแต่ละปีจะอยู่ที่ 30-50 โรงงาน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทเคยทำยอดขายสูงสุดที่ 102 โรงงานต่อปี โดยการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นประเด็นสำคัญต่อการลงทุนในประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยต้องการเสนอให้ภาครัฐพิจารณาการลดระยะเวลาในการกักตัวจาก 14 วัน เหลือ 10 วันตามที่กระทรวงสาธารณสุขนำเสนอเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้ามาในประเทศและดำเนินการตัดสินใจในการลงทุนได้
ทั้งนี้ ยอมรับว่าโรคระบาดนั้นน่ากลัว แต่ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงด้วยว่าภาวะเศรษฐกิจเองก็น่ากลัวไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะตายด้วยโรคระบาด หรือตายด้วยเศรษฐกิจสุดท้ายก็คือตายเหมือนกัน ตนไม่ได้เสนอแนะเพียงแต่ต้องการให้ภาครัฐถอยหลังบางเรื่องแต่ก็ต้องคงมาตรการป้องกันต่อไป เพราะเพื่อนบ้านของไทยมีการผ่อนคลายเรื่องดังกล่าวพอสมควร
นายวิบูลย์ กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งเป้ายอดซื้อและเช่าโรงงานใหม่ปี 2564 ไว้ที่ 30-40 โรงงาน เพียงแต่จะสามารถเป็นไปได้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นปัญหาเรื่องการเมืองในประเทศ รวมถึงการลดระยะเวลาในการกักตัวของผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประสบความสำเร็จ โดยจะทำให้เกิดการเดินทางและทำให้เกิดการทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น โดยจากการหารือกับเจ้าของโรงงานพบว่าขณะนี้เริ่มมีการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาเป็น 60-80% จากเดิมที่ลดลงเหลือเพียง 20-30% ในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาดซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในปี 2564
“ปีนี้นักลงทุนไม่ได้หายไปไหนเพียงแต่ชะลอการลงทุน ซึ่งทำให้ความหวังว่านักลงทุนไม่ได้หนีหายไปไหน โดยปีหน้ามองว่าสถานการณ์ไม่น่าจะเลวร้ายกว่าปีนี้ ซึ่งสิ่งที่ต้องการเห็นคือการที่ภาครัฐลดระยะเวลาในการกักตัว และมองว่าบางประเทศมีการการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด หรือทราเวลบับเบิ้ล (Traval Bubble) โดยไม่ต้องมีการกักตัวซึ่งจะเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจเช่นกัน เพราะฉะนั้นรัฐบาลก็น่าจะต้องมีการพิจารณากันใหม่ ส่วนอีกปัจจัยที่ต้องจับตา คือ การเมือง โดยตนมองว่าประท้วงได้เพราะถือเป็นประชาธิปไตย ขอให้มีระเบียบและอยู่ในกรอบกฎเกณฑ์ที่สามารถทำได้ ”นายวิบูลย์กล่าว
นอกจากนี้ บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ได้ร่วมกับ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ตั้ง บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส โดยเป็นการถือหุ้นร้อยละ 40 : 60 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการอย่างครบวงจรกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ระยอง ซึ่งในปีนี้ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจมาแล้ว 5 ปี โดยในปีแรกมีมูลค่าสัญญาอยู่ที่ 15 ล้านบาท และในการดำเนินงานในปีที่ 5 นี้มีรายได้อยู่ที่ 165 ล้านบาท โดยตั้งเป้าภายในระยะเวลา 5 ปี (2564-2568) จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านบาท ลูกค้าไม่ต่ำกว่า 750 โรงงาน และล่าสุดได้ให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป โดยลูกค้าไม่ต้องลงทุน มีลูกค้าแล้ว 2 – 3 ราย โดยให้ประกันค่าไฟฟ้าถูกลง 40 – 50% โดยต้องทำสัญญา 15 – 20 ปี
นายอาร์โนด์ เบียเลคกิ ประธานบริหาร บริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ในปี 2564 บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาการให้บริการในด้านต่างๆ ให้ทันสมัยและมีคุณภาพเพิ่มขึ้นไป โดยจะมีการเปิดตัว Amata Command Center (ACC) ใหม่ที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยอื่นๆ เพิ่มเติม ที่เชื่อมต่อไปยัง Amata Command Center (ACC) เช่น ระบบเตือนอัคคีไฟ (Fire Alarm Monitoring) ซึ่งมีทีมรักษาความปลอดภัยเตรียมพร้อมตอบรับต่อสัญญาณเตือน และมีการเชื่อมต่อระบบ AED Monitoring ภายในอมตะซิตี้ให้ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการนำระบบพลังงานแสงอาทิตย์โดยทางโซเด็กซ์โซ่หุ้นส่วนผู้เชี่ยวชาญมาใช้เพื่อส่งเสริมเรื่องความยั่งนืนและการใช้ทรัพยกรอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด