'Bitcoin' ทำ All-Time High ใหม่ ทะลุจุดสูงสุดเดิม !
มุมมองของนักวิเคราะห์ เมื่อ "Bitcoin" ทำ New High ใหม่ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทะลุจุดสูงสุดเดิมเมื่อปี 2017
เมื่อคืนที่ผ่านมา ราคา "Bitcoin" ได้ทะลุจุดสูงสุดเดิมของปี 2017 ที่ระดับ $19,666 และทำ All-Time High ใหม่ที่ $19,857 (ที่ระดับ 589,700 บาท บนกระดาน Bitkub)
การปรับขึ้นของราคา Bitcoin เมื่อคืน ทำให้ภาพรวมรายปี ราคา Bitcoin สามารถปรับขึ้นมาได้มากถึง 177% และในภาพรวมเฉพาะเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาราคา Bitcoin สามารถปรับขึ้นได้ถึง 30% เพียงแค่เดือนเดียว
เหตุการณ์นี้นับเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของวงการ "คริปโทเคอร์เรนซี" (Cryptocurrency) โดยเหตุผลหลักที่ราคา Bitcoin สามารถปรับขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้มาจากความกังวลเกี่ยวกับ "ภาวะเงินเฟ้อ" โดยเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Federal Reserve เช่น การปรับลดดอกเบี้ย หรือพิมพ์เงินเพิ่มเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจจากวิกฤติ COVID-19 แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่อาจทำให้สกุลเงินดอลลาร์สูญเสียมูลค่าไปได้ และไม่ใช่แค่สหรัฐฯ เท่านั้น หลายๆ ภาคเศรษฐกิจทั่วโลกก็มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการที่บรรดาสถาบันทางการเงินรายใหญ่ๆเริ่มหันมาให้ความสนใจใน Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซีต่างๆ เพื่อถือเป็นทรัพย์สินสำรอง เช่น สถาบัน Greyscale ที่เข้าถือ Bitcoin มากกว่า 500,000 เหรียญ คิดเป็นมูลค่ารวมมากกว่า 8.3 พันล้านดอลลาร์
แต่ข่าวที่สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการคริปโทเคอร์เรนซีมากที่สุด ก็คือข่าวที่ Paypal ประกาศเตรียมเปิดให้บริการชำระเงินด้วยคริปโทเคอร์เรนซีภายในปี 2021 นี้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ Paypal เกือบ 300 ล้านรายสามารถเข้าถึงคริปโทเคอร์เรนซีได้นั่นเอง
- มุมมองนักวิเคราะห์
Sergey Nazarov ผู้ร่วมก่อตั้ง Chainlink มีมุมมองว่า “ราคา Bitcoin มีโอกาสที่จะสามารถขึ้นไปสูงกว่าระดับ 100,000 ดอลลาร์ได้ เนื่องจากตลาดเริ่มคุ้นเคยกับคำว่า "ทองคำดิจิทัล" ที่เป็นอีกฉายาหนึ่งของ Bitcoin แล้ว ทำให้เกิดกระแสเงินทุนส่วนหนึ่งไหลออกจากตลาดทองคำเข้าสู่ตลอด Bitcoin แทน
และนอกจากนี้ มีปัจจัยอยู่ 2 ปัจจัยที่สนับสนุนราคา Bitcoin ซึ่งได้แก่
1) สัญญาณของภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเรื่อยๆและความเชื่อมั่นในนโยบายการเงินปัจจุบันที่เริ่มอ่อนแอลง จึงทำให้นักลงทุนพยายามมองหาทางเลือกการลงทุนที่จะสามารถรักษามูลค่าของสินทรัพย์เอาไว้
2) ความต้องการลงทุนใน Decentralized Finance หรือ DeFi ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการทำ Yield Farming ที่สูงขึ้นตามการเติบโตของตลาด DeFi”
ด้าน John Todaro ผู้บริหารสถาบัน TradeBlock ให้ความเห็นใน Coinbase เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ว่า “ทิศทางขาขึ้นของ Bitcoin ครั้งนี้ แตกต่างกับขาขึ้นในปี 2017 และเชื่อว่าขาขึ้นครั้งนี้น่าจะคงอยู่ได้นานกว่า อันเนื่องมาจากการขึ้นของราคาครั้งนี้มีปัจจัยหลักมาจากการเข้าซื้อ Bitcoin เพื่อถือครองเป็นสินทรัพย์สำรองของบรรดาสถาบันการเงิน โดยเฉพาะสถาบันในแถบอเมริกาเหนือ”
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ทำไมราคา Bitcoin ปีนี้ขึ้น 150%
- 6 เหตุผลที่ต้องถือเงินดิจิทัล
- Top 5 เหรียญเด่นปี 2020
- ทิศทาง Bitcoin หลังศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ
- หุ้น vs. คริปโต แตกต่างกันอย่างไร
ความเห็นจาก Cameron Winklevoss หนึ่งในฝาแฝดผู้ร่วมก่อตั้งกระดานเทรดคริปโทเคอร์เรนซี Gemini มองว่า Bitcoin มีโอกาสที่จะสามารถชิงบัลลังก์สินทรัพย์สำรองอันดับ 1 มาจากทองคำได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นราคา Bitcoin ก็จะยิ่งปรับสูงขึ้นไปอีก
ส่วน Christopher Bendiksen หัวหน้าฝ่ายวิจัยจาก CoinShares เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าการขึ้นของ Bitcoin รอบนี้เป็นการเข้าซื้อจากทั้งฝั่งสถาบันและนักลงทุนทั่วไป พร้อมเสริมว่าสาเหตุที่ราคา Bitcoin ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นเพราะการที่ตลาดสหรัฐฯ เพิ่งกลับมาเปิดทำการหลังจากผ่านช่วงวันหยุดยาวในเทศกาล Thanksgiving เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ความเห็นนักวิเคราะห์ด้านบนมีขึ้นเพื่อนำเสนอมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในตลาดเท่านั้น ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด
.............................
อ้างอิง: Coindesk, Decrypt, Bloomberg, Cointelegraph, Reuters
.............................
สามารถเป็นเจ้าของ Bitcoin ได้แล้ววันนี้ที่ Bitkub กระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับ 1 ของประเทศไทย พร้อมเหรียญคุณภาพกว่า 36 เหรียญ พร้อมทีมซัพพอร์ตที่พร้อมช่วยเหลือคุณตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์
นึกถึง Bitcoin คิดถึง Bitkub ดาวน์โหลดและเริ่มเทรดบน Bitkub ได้แล้ววันนี้ บนสมาร์ทโฟนระบบ Android และ iOS หรือไปที่เว็บไซต์ https://www.bitkub.com/