ส่อง 'ราคาสินค้าเกษตร' ธ.ค.63 คาดปรับตัวสูงขึ้น รับเทศกาลปีใหม่-มาตรการรัฐ
ส่อง 'ราคาสินค้าเกษตร' ธ.ค.63 คาดปรับตัวสูงขึ้น ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพาราแผ่นดิบ มันสำปะหลัง กุ้งขาวแวนนาไม และสุกร สอดรับเทศกาลปีใหม่ มาตรการรัฐ ด้านข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว น้ำตาลทรายดิบ ปาล์มน้ำมัน แนวโน้มราคาปรับลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. ได้รายงานคาดการณ์ราคาสินค้าเกษตร เดือนธันวาคม 2563 โดยชี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ และการเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนธันวาคม 2563 ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพาราแผ่นดิบ มันสำปะหลัง กุ้งขาวแวนนาไม และสุกร มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว น้ำตาลทรายดิบ และปาล์มน้ำมัน มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง
นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนธันวาคม 2563 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่
- ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 7.64 - 7.66 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.20 - 0.50 เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลงในช่วง ปลายฤดูเก็บเกี่ยว ขณะที่ความต้องการใช้เพื่อผลิตอาหารสัตว์จะเพิ่มขึ้นตามความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์และ การส่งออกอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีซึ่งเป็นเทศกาลท่องเที่ยวและปีใหม่
- ยางพาราแผ่นดิบ
ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ราคา อยู่ที่ 54.85–57.85 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.13 - 5.60 เนื่องจากความต้องการใช้ยางพาราภายในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณผลผลิตยางพาราออกสู่ตลาดน้อยลงจากการขาดแรงงานกรีดยาง ประกอบกับภาคใต้ของประเทศไทยในช่วงครึ่งเดือนแรกอาจมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการกรีดยางของชาวสวนยางพารา รวมถึงสถานการณ์ราคาน้้ามันดิบมีแนวโน้ม ปรับตัวสูงขึ้น
มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.84 - 1.89 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.55 – 3.28 เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลผลิตปี 2563/64 ผลผลิตยังออกสู่ตลาดไม่มาก ประกอบกับสภาพอากาศที่เอื้ออ้านวยต่อ การเก็บเกี่ยวและส่งผลท้าให้คุณภาพเชื้อแป้งในหัวมันส้าปะหลังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งความต้องการน้าเข้า ผลิตภัณฑ์มันส้าปะหลังที่เพิ่มขึ้นของประเทศจีนเพื่อน้าไปใช้ผลิตเอทานอลทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคาสูง และมีปริมาณสต็อกคงเหลือลดลง
- กุ้งขาวแวนนาไม
กุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 136.25 – 137.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากเดือนก่อนร้อยละ 0.18 - 0.74 เนื่องจากความต้องการในการบริโภคเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลการท่องเที่ยวตามมาตรการวันหยุด และเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ ประกอบกับเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยจากอากาศที่เริ่ม เย็นลงท้าให้กุ้งเจริญเติบโตช้า อย่างไรก็ตามอาจมีปัจจัยเสี่ยงจากราคากุ้งโลกกดดันราคาในประเทศให้ลดลง
- สุกร
สุกร ราคาอยู่ที่ 76.65 - 76.70 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.59 - 1.66 เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ได้แก่ มาตรการคนละครึ่ง และมาตรการช้อปดีมีคืน ผนวกกับใกล้ช่วงเทศกาล วันหยุดและการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ท้าให้คนไทยเริ่มออกมาใช้จ่ายรวมถึงการบริโภคสุกรเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มราคาสุกรเพิ่มขึ้น
ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 7,959 - 8,024 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 3.03-3.97 ข้าวเปลือกหอมมะลิราคาอยู่ที่ 9,103 - 9,346 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 9.11 - 11.48
และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 9,839 - 9,952 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.03 - 3.14 เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปี โดยผลผลิตปีนี้ คาดว่าจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา และโรงสีบางแห่งประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องหรือปัญหาขาดทุน ท้าให้ชะลอหรือหยุดการรับซื้อข้าวจากชาวนา ประกอบกับค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่าง ต่อเนื่อง ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันราคาส่งออกข้าวไทยลดลง
น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 15.06 - 15.12 เซนต์/ปอนด์ (10.12 - 10.16 บาท/กก.) ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.60 - 1.00 เนื่องจากค่าเงินเรียลบราซิลอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ กระตุ้นให้ผู้ผลิตน้ำตาลของบราซิลส่งออก น้ำตาลเพิ่มขึ้น และบราซิลได้เพิ่มสัดส่วนการน้าอ้อยไปผลิตน้ำตาลเป็นร้อยละ 63 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปีก่อน
นอกจากนี้ แนวโน้มการผลิตและการส่งออกน้าตาลที่เพิ่มขึ้นของประเทศอินเดียยังเป็นปัจจัย กดดันราคาน้ำตาล โดยคาดการณ์ว่าผลผลิตน้้าตาลของประเทศอินเดียในปีการผลิต 2563/64 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 หรือคิดเป็น 33.76 ล้านตัน และการส่งออกน้ำตาลของประเทศอินเดียจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 หรือคิดเป็น 6.0 ล้านตัน
และปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 6.00 - 6.15 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 8.89 - 11.11 เนื่องจากสต็อกน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาปาล์มน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงในช่วงที่ผ่านมา ท้าให้เกษตรกรบางส่วนเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งส่งผลให้ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ โรงงานสกัดจึงรับซื้อผลผลิตในราคาที่ต่ำลง