ภาคธุรกิจรับมือโควิดรอบใหม่ รื้อแผน “บิ๊กอีเวนท์-งานเคานท์ดาวน์” ยึดมาตรการปลอดภัยเคร่งครัดดึงความเชื่อมั่น สกัดความเสี่ยงลามกรุงเทพฯ ด้านอสังหาฯ จี้ผู้รับเหมาคุมเข้มแคมป์คนงาน ปิดพื้นที่ส่วนกลาง
สถานการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งขณะนี้มีการ “ล็อกดาวน์” จังหวัดสมุทรสาคร อีกทั้งยังพบการติดเชื้อในพื้นที่อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำลังเป็นที่วิตกกังวลต่อการระบาดในวงกว้าง ท่ามกลางห้วงเวลาสำคัญที่เป็นไฮซีซันประจำปีของภาคธุรกิจที่อยู่ระหว่างจัดกิจกรรมการตลาดครั้งใหญ่ มีการสร้างสีสัน ตกแต่งบรรยากาศเพื่อเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กลับ “สะดุด” และต้องปรับแผนกระทันหันให้เหมาะสมกับภาวการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอีเวนท์ใหญ่ "เคานท์ดาวน์" ภายใต้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน "อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เคานท์ดาวน์ 2021" ในคืนวันที่ 31 ธ.ค.2563 ที่ไอคอนสยาม แลนด์มาร์คเคานท์ดาวน์ของประเทศไทย อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางดำเนินการ
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ให้การสนับสนุนการจัดงานเคานท์ดาวน์ปีใหม่ 11 งานทั่วประเทศ หนึ่งในนั้นคือ "อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เคานท์ดาวน์ 2021" ที่ไอคอนสยาม นอกจากนี้ ททท.จะจัดเองอีก 1 งานคือที่เชียงใหม่ ซึ่งเพิ่งเพิ่มเข้ามาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเชียงใหม่และเชียงราย หลังเผชิญสภาพสะบักสะบอมกันมาตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. จากกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิดในพื้นที่ภาคเหนือ
ส่วนงานอีเวนท์และเคานท์ดาวน์อื่นๆ ที่ ททท.ได้รับรายงานว่ายกเลิก อาทิ งานเทศกาลกินปลาทูแม่กลอง จ.สมุทรสาคร และงานเคานท์ดาวน์ 2021 ของเทศบาลเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี โดยการยกเลิกหรือเลื่อนการจองห้องพักโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ททท.อยู่ระหว่างติดตามการจองโดยเฉพาะที่อัมพวา หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทย
“กรณีวิกฤติโควิดสมุทรสาคร ทำให้ ททท.ต้องรอข้อสรุปเรื่องการจัดงานเคานท์ดาวน์ที่เชียงใหม่ในอีก 1-2 วันหรือไม่เกินวันพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) ซึ่งขึ้นกับคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนงานเคานท์ดาวน์ที่ ททท.ให้การสนับสนุนจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของภาคเอกชนเป็นหลัก อย่างล่าสุดทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ขอความร่วมมืองดจัดงาน แต่หากภาคเอกชนมีเจตจำนงจะจัดสามารถส่งแผนการจัดงานให้ กทม.พิจารณา รวมถึงรอฟังคำสั่งจาก ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.”
กรณีโควิดสมุทรสาคร ถือเป็นบททดสอบครั้งสำคัญว่ายังต้องอยู่กับโควิดต่อไป ยกการ์ดให้สูงเข้าไว้ ตระหนักได้แต่ต้องไม่ตระหนก ททท.มองว่าคงไม่ถึงขั้นดับฝันภาคท่องเที่ยวไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ยอมรับว่าอาจกระทบต่อการตัดสินใจออกเดินทางของนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม เช่น กลุ่มครอบครัว และกลุ่มอื่นๆ ที่มีความเสี่ยง แต่จะยังมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาและไปฉลองปีใหม่ร่วมกับคนใกล้ชิด
เข้มมาตรการปลอดภัย
รายงานข่าวจาก บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา เซ็นทรัลเฟสติวัล เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ต ได้ปิดให้บริการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ “เซ็นทรัลพลาซา มหาชัย” ซึ่งอยู่ในพื้นที่ควบคุม ตั้งแต่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนถึง 3 ม.ค.2564
ส่วนงานใหญ่ประจำปี “Thailand & centralwOrld Bangkok Countdown 2021” ที่เซ็นทรัลเวิลด์ในฐานะแลนด์มาร์กเคาท์ดาวน์ใจกลางกรุงเทพฯ เทียบได้กับไทม์สแควร์แห่งเอเชีย อยู่ระหว่างวางแผนปรับงานเคาท์ดาวน์ใหม่ในรูปแบบใหม่ซึ่งมีความเป็นไปได้ในหลายโมเดล เช่น จัดงานแบบไลฟ์สด (Live) ถ่ายทอดบรรยากาศเฉลิมฉลอง โดยไม่เปิดให้ลูกค้าเข้างานแต่อย่างใด
นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ พร้อมสร้างความมั่นใจในการมาชอปปิงให้ลูกค้าภายใต้มาตรฐานด้าน “Hygiene&Safety” เชิงรุกที่ดำเนินงานอย่างเข้มข้น ตามแผนแม่บท“เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” ใน 5 แกนหลักกว่า 75 มาตรการ โดยเซ็นทรัลพัฒนา ได้รับมอบตราสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย “SHA” หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ฯลฯ โดยนำมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขผนวกกับมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพของสถานประกอบการ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวและผู้บริโภคในความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากสินค้าและบริการ
ขณะที่ไฮไลท์งานเคานท์ดาวน์ ทั้งเซ็นทรัลเวิลด์และหัวเมืองต่างๆ อยู่ระหว่างทบทวน และหารือถึงแนวทางใหม่ โดยยึดมาตรการรักษาความปลอดภัย ระยะห่าง อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความแออัดให้มากที่สุด
เช่นเดียวกับ งานเคานท์ดาวน์ “ไอคอนสยาม” ที่กำลังพิจารณาแนวทางดำเนินงานอย่างไรที่จะปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งใน 1-2 วันนี้คาดว่าจะส่งแผนงานให้ กทม. พิจารณาได้ พร้อมกันนี้ ผู้ประกอบการศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า มีการรณรงค์และเข้มงวดการบริหารจัดการพื้นที่และจำนวนผู้ใช้บริการตามมาตรการควบคุมโรค และการเว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัดมากขึ้น รวมทั้งสื่อสารให้ลูกค้าสแกนแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” เมื่อเข้าใช้บริการและออกจากห้างร้าน
ร้านค้าสมุทรสาครปรับเวลาให้บริการ
นายอนุพงษ์ เครืองาม ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายปฏิบัติการ ไฮเปอร์มาร์เก็ต และ มาร์เก็ต บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มบริษัทบีเจซี กล่าวว่า บิ๊กซี ได้ดำเนินการป้องกันเชิงรุกทั้งบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และมินิ บิ๊กซี ในจังหวัดสมุทรสาคร มีมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด ได้มีการฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อและการทำความสะอาดวันละ 2 รอบ โดยปรับเวลาเปิด-ปิด เป็น 9.00 -21.00 น. ส่วน มินิบิ๊กซี เปิด-ปิด เวลา 05.00- 22.00 น. ในบางสาขา ขณะที่บิ๊กซี ทั่วประเทศ บังคับใช้มาตรการอย่างเข้มข้นเช่นกัน
“บิ๊กซีพร้อมปฏิบัติตามประกาศของจังหวัด โดยเน้น ย้ำ 40 มาตรการความปลอดภัย ความสะอาด สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และลงทะเบียนก่อนเข้า-ออกในการใช้บริการ ศูนย์การค้าอย่างเข้มงวด เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่นิวนอร์มอล อย่างมีวินัย มอบความปลอดภัยให้กับผู้เข้าใช้บริการทุกคน”
สำหรับร้านค้าปลีกสะดวกซื้อต่างๆ ในสมุทรสาคร ได้มีการปรับเวลาให้บริการตามมาตรการควบคุมจำกัดการแพร่ระบาดของภาครัฐที่ได้ประกาศล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว ตั้ง 19 ธ.ค. 2563-3 ม.ค. 2564 รวม 14 วัน โดยสามารถเปิดบริการได้แต่งดให้บริการช่วงเวลา 22.00-05.00 น. ทั้งนี้ "เซเว่นอีเลฟเว่น" ประกาศแนวทางสร้างความมั่นใจให้พนักงานและลูกค้า ด้วยการยกระดับความปลอดภัยช่วงโควิด-19 ทั่วประเทศ ผ่านมาตรการดูแล เฝ้าระวัง และป้องกันการแพร่ระบาด
อีเวนท์ชะงักผวาโควิด
นายอุปถัมภ์ นิติสุขเจริญ นายกสมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (อีเอ็มเอ) และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด กล่าวว่า การตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดสมุทรสาครกว่า 500 คน ส่งผลต่อการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอีเวนท์เคานท์ดาวน์ งานคอนเสิร์ต ซึ่งจะมีขึ้นจำนวนมาก ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ ตลอดจนผู้จัดงานยังต้องขอดูสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคอีก 1 สัปดาห์ ถึงอัตราตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ ช่วงเดือนพ.ย.-ม.ค. เป็นไฮซีซั่นที่มีการจัดอีเวนท์ค่อนข้างมาก สัดส่วน 20-30% ของมูลค่างานหรือบิลลิ่งทั้งปีที่ปกติจะมีราว 14,000 ล้านบาท แต่หากอีเวนท์ไม่สามารถจัดได้ อาจส่งผลให้เม็ดเงินช่วงดังกล่าวหายไป 3,000-4,000 ล้านบาท สำหรับภาพรวมธุรกิจอีเวนท์ปี 2563 ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้เม็ดเเงินหายไปราว 40% หากการระบาดระลอกใหม่ จะทำให้หดตัวเพิ่มขึ้นอีก 10%
“ธุรกิจอีเวนท์ได้รับผลกระทบหนักมาก ตอนนี้เม็ดเงินหายไป 40% หากภายใน 1 สัปดาห์ มียอดผู้ติดเชื้อในอัตราพุ่ง ธุรกิจจะเสียหายเพิ่มอีก เพราะช่วงปลายปีถึงเดือนม.ค. มีอีเวนท์เคาท์ดาวน์ คอนเสิร์ต หลายงาน ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ดีขึ้น จาก 4-6 เดือนที่ผ่านมาอีเวนท์ไม่สามารถจัดได้เลย แม้จะมีวัคซีน แต่การฟื้นตัวของธุรกิจอีเวนท์จะกลับมาได้ปกติในไตรมาส 3-4 ปีหน้า"
อย่างไรก็ดี เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด สิ่งที่ต้องจับตาคือมาตรการสกัด ป้องกันการแพร่เชื้อ ซึ่งรัฐจะมีการออกข้อห้าม งดจัดกิจกรรมต่างๆ ในภาพรวม ซึ่งจะยิ่งส่งผลกระทบในวงกว้าง เช่นเดียวกับช่วงศล็อกดาวน์เมือง 3 เดือน ดังนั้น เพื่อลดผลกระทบต่อธุรกิจและหากจำเป็นต้องมีการจัดงาน ให้ธุรกิจยังพอขับเคลื่อนต่อได้ ภาครัฐควรพิจารณาแยกประเภทอีเวนท์ให้ชัดเจน เช่น งานเอ็กซิบิชั่น คอนเสิร์ต แม้จะมีการรวมตัวของคนจำนวนมาก หากมีมาตรการ การบริหารจัดการที่ดี ควรอนุญาตจัดงานได้
คุมแคมป์คนงาน
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า กรณีพบคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลายร้อยคนในตลาดกลางกุ้ง จังหวัดสมุทรสาคร นั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องทำคือเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ในปี 2564 เพราะยังไม่สามารถประเมินได้ว่าการระบาดดังกล่าวจะควบคุมได้หรือลุกลามไปแค่ไหน เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวแปรในการทำงาน การขับเคลื่อนธุรกิจ
“สถานการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก จึงยังคาดการณ์ได้ยาก ภาคอสังหาฯ คงต้องเตรียมการตั้งรับกันทุกบริษัท เพราะเหตุการณ์เกิดใกล้กรุงเทพฯ มีความเสื่ยงสูง เทียบกับช่วงที่เคยเกิดในภูเก็ต อยู่ไกลและสามารถควบคุมได้ง่ายกว่าเพราะเป็นเกาะ มีทางเข้าออกทางบกจุดเดียว”
ขณะที่ จังหวัดสมุทรสาคร เส้นทางหลัก คือ ถนนเพชรเกษม ถนนพระราม 2 ถนนเอกชัย ไปสู่ศาลากลางจังหวัด ควบคุมยากกว่า ซึ่งขณะนี้ได้มีการล็อกดาวน์เมืองแล้ว ค่อนข้างมีผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจในสมุทรสาคร ซึ่งเป็นแหล่งการขายอาหารทะเล และเป็นตลาดส่งออกใหญ่
สำหรับ กานดา พร็อพเพอร์ตี้ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและก่อสร้างในจังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 6 โครงการ จึงได้เตรียมประกาศแจ้งพนักงานทุกฝ่ายทราบ ในพื้นที่ที่อยู่ใกล้ให้พนักงานทำงานที่บ้าน( Work from Home) ตั้งแต่วันนี้ (21 ธ.ค.) เป็นต้นไป นอกจากนี้มีมาตรการในการตรวจโควิด-19 กับพนักงานต่างชาติ พร้อมวางมาตรการคุมเข้มในเรื่องการลักลอบเข้ามาอยู่อาศัยกับแรงงาน (ต่างชาติ) ที่ถูกกฏหมาย โดยขอความร่วมมือผู้รับเหมาเข้าไปตรวจสอบแคมป์คนงาน
พร้อมดำเนินมาตรการดูแลลูกบ้านในโครงการในสมุทรสาคร จำนวน 20 โครงการ ซึ่งมีลูกค้าเข้าอยู่แล้ว ซึ่งให้บริการในรูปแบบของบริการหลังการขาย รวมทั้งปิดให้บริการพื้นที่ส่วนกลางในโครงการจนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย เป็นต้น