SMPC - ซื้อ

Event

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ SMPC ใน 4Q63 จะอยู่ที่ 140 ล้านบาท (+80% YoY, -22% QoQ) ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิในปี 2563 อยู่ที่ 649 ล้านบาท (+73% YoY) เป็นไปตามประมาณการปีนี้ของเรา โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY จะมาจากปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่กำไรที่ลดลง QoQ จะเป็นเพราะอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น และราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนแพงขึ้น

lmpact

ปริมาณยอดขายจะเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เราคาดยอดขายใน 4Q63 จะอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท (+30%YoY, +15%QoQ) เนื่องจากปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ยอดขายในปี 2563 อยู่ที่ 4.1 พันล้านบาท (+26%YoY) เราคาดว่ายอดขายใน 4Q63 จะอยู่ที่ 2 ล้านถัง (+25% YoY และ +8% QoQ) ทำให้ปริมาณยอดขายในปี 2563 อยู่ที่ 7.3 ล้านถัง (+30%YoY) เป็นไปตามประมาณการของเรา และเป้ าของผู้บริหาร โดยปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งของถังแบบสองส่วน และสามส่วน จากอาฟริกา และสหรัฐ

อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น และราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนแพงขึ้น

เราคาดว่าอานิสงส์จากการประหยัดต่อขนาดจะถูกหักล้างไปบางส่วนด้วยค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น และ ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนแพงขึ้น ดังนั้น เราจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ SMPC ใน 4Q63 จะอยู่ที่ 24.0%(+5.2ppts YoY แต่ -3.8ppts QoQ) ซึ่จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2563 อยู่ที่ 25.1% (+4.6ppts YoY) ดีกว่าสมมติฐานปีนี้ของเราที่ 24.5% เล็กน้อย เราคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายใน 4Q63 จะอยู่ที่ 13% จาก 13.7% ใน 4Q62 เนื่องจากยอดขายอยู่ในระดับสูง

Valuation & Action

เราเชื่อว่าประมาณการผลประกอบการปี 2564-65 ของเราได้สะท้อนความเสี่ยงจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นและ ต้นทุนเหล็กแผ่นรีดร้อนที่แพงขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว โดยเราใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2564-65 ที่ 22.0% (ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหกปีในช่วงปี 2557-2562 ที่ 23.3%) ทั้งนี้ ราคาหุ้น SMPC คิดเป็น PER ที่ต่ำเพียงแค่ 8.4X (อิงจาก EPS ปี 2564) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 7% (อิงจาก EPS ปี2564) ถึงแม้ว่าเราจะใช้ PER แบบอนุรักษ์นิยมที่ 10.5X (เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต) แต่ราคาเป้ าหมายสิ้นปี2564 ของเราก็ยังอยู่ที่ 12.70 บาท ซึ่งยังมี upside จากราคาปิดล่าสุดอีก 24.5% ดังนั้น เราจึงยัคงคำแนะนำ ซื้อ SMPC

Risks

เงินบาทแข็งค่าขึ้น, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ, ต้นทุนวัตถุดิบผันผวน, นโยบายการค้า, ความเสี่ยงด้านสินเชื่อ, ความเสี่ยงจากสินค้าแทนกนั