ซีพีเอฟ ผนึกพันธมิตร ช่วยแรงงานเมียนมาฝ่า“โควิด”
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยมีปัจจัยหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญนั่นคือ “แรงงาน” ที่มีทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งและกำลังต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งคนไทยจะไม่อยู่นิ่ง
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยมีปัจจัยหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญนั่นคือ “แรงงาน” ซึ่งสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันคำว่าแรงงานมีทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งในสถานการณ์โควิด-19 ที่มีผู้ได้รับผลกระทบมากมายทั่วโลกก็เช่นกัน แรงงานคืออีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ เมื่อกำลังสำคัญเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจกำลังต้องการการดูแล คนไทยจะไม่นิ่งเฉย
โดยล่าสุดประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ ซีพีเอฟ ให้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ซึ่งดำเนินโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” มาตั้งแต่เกิดการระบาดรอบที่แล้วและยังคงเดินหน้าต่อเนื่องในการระบาดรอบใหม่นี้ ภายใต้แนวคิดของสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์และซีพีเอฟ นำผลิตภัณฑ์อาหารซีพีมอบ ผ่านมร. อู เมียว เมียนตัน เอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย ในการส่งมอบสิ่งของและอาหารสู่แรงงานจำนวน 1,200 ครอบครัวที่อยู่ระหว่างกักตัว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร
มร. อู เมียว เมียนตัน กล่าวว่า ขอขอบคุณน้ำใจของประเทศไทย ของคนไทยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ให้การเอาใจใส่เยียวยา ตลอดจนดูแลรักษาแรงงานเมียนมาผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างเป็นธรรมและเสมอภาค ขณะเดียวกันภาคเอกชนอย่างซีพีเอฟยังเผื่อแผ่ความใส่ใจไปถึงแรงงานที่ไม่ได้ติดเชื้อ แต่ต้องกักตัวเองในสถานที่พักทั้ง 1,200 ครอบครัวในจังหวัดสมุทรสาครด้วย
"เป็นความซาบซึ้งใจต่อชาวเมียนมาอย่างที่สุด โดยสถานทูตจะเร่งนำสิ่งของบริจาคทั้งหมดนี้กระจายให้ถึงมือแรงงานเมียนมาทุกครอบครัวต่อไป"
ด้านประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหารซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟตระหนักดีถึงความเดือดร้อนของประชาชนทุกคนจากสถานการณ์โควิด-19 จึงได้ให้ความช่วยเหลือผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มมาตั้งแต่การระบาดครั้งแรก และสำหรับแรงงานเมียนมาซึ่งได้รับผลกระทบไม่น้อย ซีพีเอฟจึงนำไข่ไก่ซีพี 36,000 ฟอง ข้าวสารตราฉัตร 1,200 ถุง น้ำมันพืช 1,200 ขวด ซุปฟักทอง-ข้าวโพด 3,600 ถ้วย และน้ำดื่มซีพีอีก 14,400 ขวดมามอบผ่านสถานทูตเมียนมา เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือนี้ไปยังแรงงานเมียนมาทั้ง 1,200 ครอบครัวที่อยู่ระหว่างกักตัวเองในที่พัก ซึ่งจะเป็นอีกส่วนหนึ่งในการลดโอกาสการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ และเชื่อว่าอีกไม่นานทั้งคนไทยและแรงงานเมียนมาจะก้าวผ่านโควิด-19 นี้ไปพร้อมกัน
นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังได้เชิญชวนพันธมิตรอย่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน)และบริษัทโอสถสภาจำกัด (มหาชน) ร่วมแสดงน้ำใจกับแรงงานเมียนมาด้วย
โดยกลุ่มทรูระบุว่า ครั้งนี้ได้จัดเตรียมซิมอินเตอร์เน็ทเฉพาะสำหรับชาวเมียนมาจำนวน 2,000 ซิม และหน้ากากผ้าจำนวน 2,000 ชิ้น เพื่อให้แรงงานชาวเมียนมาทั้ง 1,200 ครอบครัวที่กักตัวในสถานที่พัก สามารถใช้ติดตามข่าวสาร ท่องโลกออนไลน์ และผ่อนคลายกับการดูหนังฟังเพลงได้อย่างต่อเนื่อง ผ่าน Application TrueID ตลอดจนสามารถใช้ Application True Money Wallet ที่รองรับการใช้งานภาษาเมียนมาได้ด้วย ซึ่งจะช่วยให้การกักตัวของแรงงานเป็นไปอย่างราบรื่น ลดโอกาสการระบาดของเชื้อตามมาตรการของรัฐได้เป็นอย่างดี
ขณะที่บมจ.โอสถสภา ซึ่งได้เข้าร่วมโครงการนี้กับซีพีเอฟมาตั้งแต่การระบาดรอบที่แล้ว และการได้เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมช่วยเหลือแรงงานต่างชาติในประเทศไทย นับเป็นอีกความภูมิใจของบริษัท โดยในครั้งนี้ได้นำ ผลิตภัณฑ์ M150 จำนวน 5,000 ขวด ลิโพ 5,000 ขวด และ ซีวิต 3,600 ขวด มามอบให้ และเชื่อมั่นเช่นกันว่า ประเทศไทยจะก้าวผ่านโควิด-19 ได้ในเร็ววัน
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ CPF และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ส่งมอบความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานต่างๆ เพื่อทีมแพทย์ กลุ่มแรงงานต่างชาติและกลุ่มเปราะบางแล้วหลายครั้ง อาทิ มอบอาหารพร้อมทานให้ทีมแพทย์ใน รพ.สมุทรสาคร และ นำผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานและไข่ไก่สด ส่งมอบผ่านมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) ตลอดจน มอบหน้ากากอนามัยซีพี ผ่านศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. และสถานทูตเมียนมา เป็นต้น