'ท่องเที่ยว' ลุ้นฟื้นหลังเดือน มี.ค. ดันรายได้ปี 64 แตะ 1.2 ล้านล้าน

'ท่องเที่ยว' ลุ้นฟื้นหลังเดือน มี.ค.  ดันรายได้ปี 64 แตะ 1.2 ล้านล้าน

พิษโควิดรอบใหม่ทุบท่องเที่ยว 2 เดือนแรกอ่วมซ้ำ “ททท.” หวังสถานการณ์คลี่คลายเร็ว เร่งสปีด 10 เดือน พร้อมคงเป้ารายได้รวมท่องเที่ยวไทยปี 64 ที่ 1.2 ล้านล้านบาทฝ่าโควิด-19 ไม่หั่นเป้า “ไทยเที่ยวไทย” 120 ล้านคน-ครั้ง เล็งยกระดับอุตสาหกรรมจัดทำแผน “บีซีพี”

ตลาดไทยเที่ยวไทยเป็นความหวังเดียวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งปีแรก 2564  เพราะตามคาดการณ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินไว้ว่า กว่าตลาดต่างชาติจะกลับมาเที่ยวไทย น่าจะเป็นช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แต่การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 กลับทำให้ตลาดไทยเที่ยวไทยต้องสะดุดไปในช่วง 2 เดือนแรกทั้งที่ยังอยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือ ไฮซีซั่น

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท.ต้องเร่งเครื่องทำงานในช่วง 10 เดือนที่เหลือเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยปัจจุบันยังคงเป้าหมายในการทำตลาดปี 2564 เหมือนเดิม กล่าวคือ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 10 ล้านคน สร้างรายได้ 5 แสนล้านบาท ส่วนตลาดในประเทศจะยังอยู่ที่ประมาณ 120 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 7 แสนล้านบาท รวมรายได้จากทั้งตลาดในและต่างประเทศอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท

โดยปี 2563 ที่ผ่านมา พบว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 6.69 ล้านคน สร้างรายได้ 3.32 แสนล้านบาท มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางในประเทศ 90 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 4.81 แสนล้านบาท รวมรายได้ทั้งตลาดในและต่างประเทศเป็น 8.13 แสนล้านบาท ลดลง 73% เมื่อเทียบกับรายได้รวมของท่องเที่ยวไทยปี 2562

“แม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่จะส่งผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เนื่องจากคนไทยต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่ไม่ต้องการให้มีการเดินทางข้ามจังหวัด แต่ ททท.จะไม่เอามาเป็นประเด็นในการปรับเป้า เพราะฉะนั้นเป้าหมายในปี 2564 จะยังคงเหมือนเดิม”

คงเป้าปี 65 รายได้รวมฟื้น 80%

คาดการณ์ด้วยว่าภาคท่องเที่ยวไทยจะใช้ระยะเวลา 2 ปีในการฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ โดยในปี 2565 ททท.ยังคงเป้ารายได้รวมจากทั้งตลาดในและต่างประเทศที่ 2.5 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 80% ของรายได้ปี 2562 โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคน สร้างรายได้ 1.3 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวไทย 170 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท

“พอโควิดรอบใหม่ระบาดในประเทศ ทำให้ ททท.ต้องปรับปรุงรายละเอียดของแผนฟื้นฟูภาคท่องเที่ยวปี 2564-2565 ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น"

โดยจะต้องหารือร่วมกับ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพิ่มเติม โดยหนึ่งในความท้าทายของปีนี้คือการกระตุ้นความเชื่อมั่น (Sentiment) ของชาวไทยให้กลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง

เล็งทำแผน BCP ระดับอุตฯท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือการระบาดซ้ำของโควิด-19 เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน และยังไม่แน่นอนว่าจะกินระยะเวลายาวนานเท่าไร เพราะฉะนั้นอาจต้องมีการทำแผนความต่อเนื่องของธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP) ในระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะหากในอนาคตเกิดการระบาดซ้ำ จะได้รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างตามลำดับ

“ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเหมือนเพิ่งพักฟื้นจากห้องไอซียูหลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดรอบแรกภายในประเทศและทั่วโลกที่ฉุดตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติจนไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ แต่พอมีการระบาดรอบใหม่ ทำให้อาการแย่ลงอีกครั้ง"

ทั้งนี้ ตัวแทนภาคเอกชนท่องเที่ยวจาก 5 สมาคมจึงได้มีการยื่นหนังสือเรียกร้องขอมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วนจากรัฐบาลเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา โดย นายพิพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้รับข้อเสนอเอาไว้เพื่อนำไปหารือกับคณะรัฐมนตรีต่อไป

สำหรับข้อเรียกร้องจาก 5 สมาคมท่องเที่ยว ได้แก่ 1.มาตรการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย 2.การจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) พร้อมสนับสนุนให้เอกชนท่องเที่ยวเข้าถึงง่ายขึ้น 3.การลดค่าไฟฟ้า 15% ของการใช้ไฟฟ้าในภาวะวิกฤติ 4.การยืดระยะเวลาการยื่นภาษีประจำปี 2563 และ 5.การขอให้รัฐร่วมกับเอกชนจ่ายค่าจ้างให้แรงงานภาคท่องเที่ยวในลักษณะโค-เพย์เมนต์ (Co-payment) ฝั่งละ 50% จำนวนเงินไม่เกิน 7,500 บาทต่อเดือน

สมาคมโรงแรมใต้ชี้ฟื้นตัวดีเลย์1ปี

นายศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงแรมและรีสอร์ตเครือดีวาน่ากรุ๊ป และอุปนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ภายในประเทศส่งผลต่อภาพรวมของภาคท่องเที่ยวไทยตลอดปี 2564 แย่กว่าตลอดปี 2563 เนื่องจากปี 2562 ยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมไว้ในไตรมาสที่ 1 ซึ่งธุรกิจโรงแรมได้เรตราคาห้องพักสูงและอัตราการเข้าพักดีมาก ทำให้ปีที่แล้วปิดที่จำนวน 6.69 ล้านคน แต่ปีนี้อาจมีแนวโน้มเป็นศูนย์ ถึงแม้จะมีข่าวดีเรื่องวัคซีน แต่ก็ยังต้องติดตามว่าต่างชาติจะกลับมาเที่ยวไทยทันไตรมาสที่ 4 ของปีนี้หรือไม่

“ส่วนตัวประเมินว่าการระบาดรอบใหม่ในประเทศจะทำให้ภาคท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวล่าช้าออกไปอีก 1 ปี กว่าจะเริ่มกลับมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ปี 2565 คาดฟื้นได้ 20-30% ของปี 2562 ซึ่งปิดที่จำนวน 39.8 ล้านคน และในปี 2566 ฟื้นได้ 50-60% ก่อนจะฟื้นได้เต็ม 100% ในปี 2567"

ดังนั้น จึงต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการปล่อยซอฟท์โลนเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการให้เอาตัวรอดจากวิกฤติโควิดไปได้ในช่วง 1-2 ปีนับจากนี้

ยอดพักเชียงใหม่ ม.ค.ต่ำกว่า 10%

นางละเอียด บุ้งศรีทอง ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมรติล้านนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท และนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) กล่าวว่า การระบาดรอบใหม่ส่งผลกระทบต่ออัตราเข้าพักโรงแรมใน จ.เชียงใหม่ซึ่งยังอยู่ในช่วงไฮซีซั่น จากเดิมเดือน ม.ค.นี้ควรได้อัตราเข้าพักเฉลี่ย 75% แต่นักท่องเที่ยวไทยตระหนกกับสถานการณ์ ยกเลิกการจองห้องพัก ทำให้เดือนนี้มีอัตราเข้าพักไม่ถึง 10% และเสี่ยงจะลดลงไปต่ำกว่านี้

“หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายภายใน 2 สัปดาห์นับจากนี้ และนักท่องเที่ยวไทยยังแพนิค ก็ไม่เห็นสัญญาณว่าอัตราการเข้าพักในเชียงใหม่จะดีขึ้นในช่วงเดือน ก.พ.และ มี.ค.นี้ จากปกติแล้วเดือน ก.พ.ถือเป็นหนึ่งในเดือนที่เชียงใหม่มีอัตราเข้าพักดีที่สุดคือ 85-90% ใกล้เคียงกับเดือน พ.ย.และ ธ.ค.ของทุกปี”

เดิมสมาคมฯคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีแรกนี้จะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ 40-50% แต่พอเจอการระบาดรอบใหม่เข้าไป ทำให้การท่องเที่ยวชะงัก ผู้ประกอบการก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมอนิเตอร์ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง ผู้ประกอบการโรงแรมบางรายก็เริ่มพิจารณาว่าจะต้องปิดให้บริการชั่วคราวกันอีกรอบหรือไม่ เพราะคาดเดาได้ยากว่าภาคท่องเที่ยวจะสามารถไปต่อได้เมื่อไร