‘อีพี’ชี้วินด์ฟาร์มหนุนรายได้ปีนี้โต20%
“อีสเทอร์น พาวเวอร์” คาดรายได้ปีนี้โต20%จากปีก่อน เตรียมรับรู้รายได้เพิ่มจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนาม 4 โครงการ160 เมกะวัตต์ ที่จะจ่ายไฟในเดือนต.ค. เล็งหาโอกาสลงทุนเพิ่ม หวังขึ้นแท่นผู้นำพลังงานลมรายใหญ่ในเวียดนาม พร้อมศึกษาลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซเวียดนาม 1.5 พันเมกะวัตต์มูลค่า 7.5 หมื่นล้านหนุนการเติบโต
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2564 ยังมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตได้ 20% จากปีก่อน เนื่องจาก บริษัทรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเดิมที่จ่ายไฟแล้ว และเตรียมรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลม 4 โครงการที่เวียดนาม ที่จะจ่ายไฟ ในเดือนต.ค.นี้ ประกอบด้วย โครงการ HL3 , โครงการ HL4, โครงการ TN และโครงการ MN ขนาดกำลังการผลิตรวม 160 เมกะวัตต์ของบริษัทย่อยทางอ้อม มูลค่าการลงทุน ประมาณ 7,040.92 ล้านบาท
รวมถึงบริษัทยังมองหาโอกาสในการเข้าไปลงทุนในโครงการอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานลมรายใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติในเวียดนามตอนกลาง ขนาดกำลังผลิตประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ ต้องใช้งบลงทุนราว 75,000 ล้านบาท ในลักษณะการร่วมลงทุนกับพาร์ทเนอร์ทางเทคนิคในเวียดนาม และผู้ขายก๊าซ อย่างน้อย 3-4 ราย เพื่อสร้างความมั่นใจในการทำธุรกิจอย่างมั่นคง เพราะเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ คาดว่าจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มหลายเท่าตัว และผลักดันการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2563 คาดเติบโตได้ตามเป้าหมายเกิน50% จากปี 2562 มีรายได้รวม 2,103.73 ล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้และกำไรสร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง จากการขายโรงไฟฟ้าในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งทำให้บริษัทฯมีกระแสเงินสดในระดับที่ดีขึ้น โดยเฉพาะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเหลือเพียง 1 เท่าจากเดิม 3 เท่า และถือว่าการขายโรงไฟฟ้าในครั้งนี้ สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าเท่าตัว