‘วีเวิร์ก’ผุดโซลูชั่นไฮบริด รับเทรนด์ทำงานได้ทุกที่

นางสาวอลิซาเบธ ลอว์ส ฟูลเลอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและองค์กรวีเวิร์ก (WeWork) เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า หลังวิกฤติโควิด-19 องค์กรธุรกิจต่างต้องปรับตัวเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต หนึ่งในนั้นคือการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เกี่ยวกับพื้นที่ทำงานใหม่แทนรูปแบบการเช่าพื้นที่สำนักงานแบบเดิมมาเป็นการเช่าพื้นที่กับวีเวิร์กเพื่อบริหารจัดการต้นทุน ไปจนถึงการดำเนินงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานเพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนไป

ทั้งนี้ แนวโน้มการกลับมาของผู้เช่าพื้นที่ในวีเวิร์กในหลายประเทศแถบนี้รวมทั้งประเทศไทยที่ลดลงช่วงโควิด เริ่มกลับมาเช่าพื้นที่เพิ่มเพื่อขยายธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มอีคอมเมิร์ซ ไอที รวมทั้งมีกลุ่มลูกค้าใหม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว และอุปกรณ์ทางการแพทย์ มีทั้งองค์กรขนาดใหญ่และเล็กที่เป็นบริษัทต่างประเทศและบริษัทในประเทศ

“แนวโน้มผู้เช่าต้องการความยืดหยุ่นในเรื่องพื้นที่และเวลาจะเป็นตัวกำหนดกลยุทธ์พื้นที่ทำงานของบริษัทในอนาคต หลายบริษัทตระหนักถึงความต้องการในเรื่องความยืดหยุ่น ปลอดภัย ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน รวมทั้งโมเดลพื้นที่ทำงานที่จะช่วยสนับสนุนไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่”

นอกจากนี้ รูปแบบการทำงานที่บ้าน (Work from Home) จะไม่ตอบโจทย์ธุรกิจระยะยาวอีกต่อไป เนื่องจากคนต้องการทำงานจากทุกที่ (Work from Anywhere) จากพฤติกรรมดังกล่าว วีเวิร์กได้พัฒนาพื้นที่ทำงานแบบผสมผสาน ที่เรียกว่า ไฮบริด (Hybrid) ตอบสนองความยืดหยุ่นที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องพื้นที่ เวลา และระบบการทำงาน การมีสำนักงานใหญ่และสาขาย่อยเพื่อกระจายพนักงานจึงเป็นคำตอบ โมเดลนี้เป็นที่นิยมมากขึ้นสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นการเพิ่มทางเลือกให้พนักงานสามารถเลือกทำงานได้จากสาขาใกล้บ้าน

โดยวีเวิร์กมี 2 โซลูชันหลัก ได้แก่ 1.WeWork All Access บริการที่ให้สมาชิกสามารถเข้าใช้วีเวิร์กสาขาต่างๆ ได้ทั่วโลกด้วยการจองล่วงหน้า เปิดให้บริการแล้วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในไทยมี 4 สาขาตั้งอยู่ที่อาคารเกรดเอย่านธุรกิจสำคัญที่สามารถเดินทางได้สะดวก 2.WeWork On Demand บริการสำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่สมาชิก ให้สิทธิ์จองพื้นที่ทำงานหรือห้องประชุมเป็นรายชั่วโมงหรือรายวัน จะเปิดให้บริการภายในไตรมาสแรกนี้ ปัจจุบันเริ่มให้บริการแล้วในสหรัฐ