BBL - ซื้อ
เป้าสำรองต่ำคาด กำไรส่อฟื้นตัวแข็งแกร่ง
เราปรับคาดการณ์กำไรปี FY21-22 ขึ้น 4% และ 11% จากสมมติฐานการตั้งสำรองหนี้เสียที่ต่ำลง จากมุมมองต่อคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และคาดการณ์หนี้เสียจากฝ่ายบริหารที่ต่ำกว่าประมาณการของเรา เราคงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับ BBL พร้อมราคาเป้าหมายใหม่ที่ 155บาท
หนี้เสียยังคาดว่าจะเพิ่มขึ้น แต่การกันสำรองในปัจจุบันจะเพียงพอ
BBL ประกาศเป้าหมายทางการเงินสำหรับปี 2021 บนสมมติฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยที่ 1-2% โดยธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อประมาณ 3-4% และมองรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิจะดีขึ้นประมาณ 3-4%, ในขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อาจจะอยู่ในระดับต่ำประมาณ 2.1% ทั้งนี้ BBL ประเมินว่าสัดส่วน NPL อาจเพิ่มขึ้นจาก 3.9% ในปีที่แล้วเป็น 4.5% แต่อย่างไรก็ดี ฝ่ายบริหารเชื่อว่าระดับการตั้งสำรองหนี้เสียในปัจจุบันเพียงพอ และ BBL วางแผนการตั้งสำรองสำหรับปีนี้ที่ 2.2 หมื่นลบ. ต่ำกว่า 3.1 หมื่นลบ. ในปี 2019 อย่างมาก
คุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มดีขึ้น
เป้าหมายทางการเงินส่วนใหญ่ของ BBL สอดคล้องกับการประมาณการของเรา ยกเว้นในส่วนของแนวโน้มหนี้เสียและประสิทธิภาพการควบคุมต้นทุน โดยมุมมองต่อคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้านี้มากและเรามองจะเป็นประเด็นสำคัญสำหรับปีนี้ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหลังจากการรวมกิจการกับ Permata ยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าจะฝ่ายบริหารยืนยันจะว่าไม่มีค่าใช้จ่ายขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการรวมสาขาของ Permata ในอินโดนิเซียแล้วในปีนี้ อย่างไรก็ตามเป้าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (cost-to-income) ยังคงสูงที่ประมาณ 50% เมื่อเทียบกับระดับ 40% กลางๆโดยเฉลี่ยในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา
ปรับคาดการณ์กำไรจากเป้าการตั้งสำรองที่ต่ำลงมาก
เราปรับสมมติฐานสัดส่วน NPL จาก 4.9% และ 5.2% สู่ 4.5% และ 4.6% และการตั้งสำรองหนี้เสียจะต่ำลงจาก 2.6 หมื่นลบ. และ 2.5 หมื่นลบ. สู่ 2.2 หมื่นลบ. และ 2.0 หมื่นลบ. ในปี 2021-22 อย่างไรก็ดี เราปรับสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ (cost-to-income) ขึ้นจาก 47% และ 46% สู่ 51% และ 49% ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยรวมทำให้คาดการณ์กำไรปี FY21-22 สูงขึ้น 4% และ 11% ตามลำดับ เราคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 155บาท เทียบเท่า PBV 0.63x